ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.ไฟเขียวงบ 3.8พันล้านบาท แก้น้ำท่วม สร้างเขื่อนรอบนิคมอุตสาหกรรม - ทำแก้มลิง 2.1 ล้านไร่ ด้าน นายกฯเตรียมทัวร์นกขมิ้นย้อนรอยติดตามการบริหารจัดการน้ำ กลับมารายงานเพื่อชงเข้าครม.สัญจร “ชลบุรี”19 มิ.ย.นี้
วานนี้(5มิ.ย.55)นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบประมาณ 3,810 ล้านบาท เพื่อดำเนินการบริหารจัดการน้ำ แบ่งเป็น งบจำนวน 3,200 ล้านบาทให้ นิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งไปดำเนินการสร้างเขื่อนรอบนิคมฯ ใช้เวลาในการสร้างไม่เกิน 2 เดือน โดยมั่นใจว่าจะแข็งแรงและมีความสูงเพียงพอที่จะป้องกันน้ำท่วม
นอกจากนี้ อนุมัติงบจำนวน 610 ล้านบาท สำหรับนำไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ประตูควบคุมการระบายน้ำ พร้อมทั้งกำหนดพื้นที่แก้มลิง 2.1 ล้านไร่ ซึ่งจะสามารถรองรอรับปริมาณน้ำได้ 5,100 ล้านลบ.ม. แบ่งเป็นพื้นในเขตชลประทาน 9 แสนไร่ และพื้นที่นอกเขตชลประทาน 1.2 ล้านไร่ อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมฯยังไม่ได้มีการพูดถึงการจ่ายเงินเยียวยา
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแผนจะเดินทางไปติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่พื้นที่ภาคเหนือตอนบน จนถึงภาคกลางตอนล่าง มีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ และได้แบ่งงานให้รัฐมนตรี 35 คน ติดตามควบคุมการทำงานในรายจังหวัด โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ, นายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ดูครอบคลุมทุกจังหวัด
สำหรับการประเมินสถานการณ์น้ำในเวลานี้ ยังเชื่อว่าปริมาณน้ำยังมากอยู่แต่จะน้อยกว่าปีที่แล้ว และยังเชื่อว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ และจะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงเช่นเดียวกับปลายปีที่ผ่านมา
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า เวลา 15.30น. วันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาไม่เป็นธรรม ซึ่งวันนี้เชื่อว่าน่าจะได้คำตอบว่าทำไมถึงได้ไม่เท่ากัน
อย่างไรก็ตามก่อนวาระการพิจารณา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมครม.ได้แจ้งที่ประชุมต่อยอดถึงการลงพื้นที่พัฒนากว๊านพะเยา จ.พะเยา ที่เคยมีการประชุมครม.นอกสถานที่จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของ 5 จังหวัดภาคเหนือ ในเรื่องของการขุดลอกคูคลองเพื่อทำแก้มลิงนำน้ำมาใช้ในการเกษตร โดยมอบหมายให้กรมชลประทานจัดทำแผนกว๊านพะเยาทั้งระบบพร้อมกับได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินการสร้างถนนพะเยา-แม่ใจ ในการป้องกันน้ำท่วมในส่วนต้นน้ำทั้งระบบ
นอกจากนี้นายกได้เน้นย้ำ และใช้เวลาค่อนข้างมากในเรื่องของเว็บไซต์ที่รัฐบาลเปิดขึ้นมา เพื่อรวบรวมโครงการในการติดตามโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยว่าไปถึงไหน เบิกจ่ายเท่าไร จังหวัดใดล่าช้าที่โชว์ได้ทั้งระบบ โดยนายกฯยกตัวอย่างหลายจังหวัดว่าการอัพเดทประกอบการตัดสินใจของนายกฯ ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่คืบหน้าในบางโครงการ
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้จัดรัฐมนตรี 31 คนลง พื้นที่เพื่อติดตามและทำความเข้าใจกับร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่และระดับ กรมในการดำเนินโครงการในแผนงานบริหารจัดการน้ำทั้งแผนเร่งด่วนและระยะยาว รวมถึงรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของคนในพื้นที่ โดยแบ่งให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ต่างๆ อาทิ ในกลุ่มภาคเหนือตอนบน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงต่างประเทศ ลงพื้นที่ จ.ลำพูน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.ลำปาง ภูมิ สาระผล รมช.กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.เชียงราย นางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงพื้นที่ จ.พะเยา นายศักดา คงเพชร รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.น่าน และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงพื้นที่ จ.แพร่ โดยเมื่อรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปแล้วต้องรายงานผลมายังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้จากนั้นจะรวบรวมส่งเข้าที่ประชุม ครม.สัญจร ที่.จ.ชลบุรีในวันที่ 19 มิ.ย.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ชาวบ้านชุมนุมประท้วงเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาซ่อมบ้านเรือนหลังได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ที่ภาครัฐไม่มีมาตรฐานการตรวจสอบและจ่ายเงินเกิดความเลื่อมล้ำกันมาก บางหลังคาเรือนได้ 20,000 บาท ขณะที่บ้านบางหลังคาเรือนได้เพียง 200-300-1,000 บาท ทั้งๆที่อยู่พื้นที่เดียวกันนั้น ในวันอังคารที่ 5 มิถุนายน นี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาซ่อมบ้านเรือนที่ชาวบ้านร้องเรียนด้วยตัวเอง โดยจะนำคณะผู้ตรวจสอบลงพื้นที่ด้วย เพื่อตรวจสอบและประเมินความเสียหายของบ้านเรือนที่เกิดปัญหาและหาทางแก้ไขเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับเงินเยียวยาอย่างเป็นธรรมและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในพื้นที่อื่นอีก
วานนี้(5มิ.ย.55)นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติงบประมาณ 3,810 ล้านบาท เพื่อดำเนินการบริหารจัดการน้ำ แบ่งเป็น งบจำนวน 3,200 ล้านบาทให้ นิคมอุตสาหกรรม 6 แห่งไปดำเนินการสร้างเขื่อนรอบนิคมฯ ใช้เวลาในการสร้างไม่เกิน 2 เดือน โดยมั่นใจว่าจะแข็งแรงและมีความสูงเพียงพอที่จะป้องกันน้ำท่วม
นอกจากนี้ อนุมัติงบจำนวน 610 ล้านบาท สำหรับนำไปปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ประตูควบคุมการระบายน้ำ พร้อมทั้งกำหนดพื้นที่แก้มลิง 2.1 ล้านไร่ ซึ่งจะสามารถรองรอรับปริมาณน้ำได้ 5,100 ล้านลบ.ม. แบ่งเป็นพื้นในเขตชลประทาน 9 แสนไร่ และพื้นที่นอกเขตชลประทาน 1.2 ล้านไร่ อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมฯยังไม่ได้มีการพูดถึงการจ่ายเงินเยียวยา
ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีแผนจะเดินทางไปติดตามความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำตั้งแต่พื้นที่ภาคเหนือตอนบน จนถึงภาคกลางตอนล่าง มีกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ และได้แบ่งงานให้รัฐมนตรี 35 คน ติดตามควบคุมการทำงานในรายจังหวัด โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ, นายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ดูครอบคลุมทุกจังหวัด
สำหรับการประเมินสถานการณ์น้ำในเวลานี้ ยังเชื่อว่าปริมาณน้ำยังมากอยู่แต่จะน้อยกว่าปีที่แล้ว และยังเชื่อว่ายังสามารถบริหารจัดการได้ และจะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงเช่นเดียวกับปลายปีที่ผ่านมา
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า เวลา 15.30น. วันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาไม่เป็นธรรม ซึ่งวันนี้เชื่อว่าน่าจะได้คำตอบว่าทำไมถึงได้ไม่เท่ากัน
อย่างไรก็ตามก่อนวาระการพิจารณา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานการประชุมครม.ได้แจ้งที่ประชุมต่อยอดถึงการลงพื้นที่พัฒนากว๊านพะเยา จ.พะเยา ที่เคยมีการประชุมครม.นอกสถานที่จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของ 5 จังหวัดภาคเหนือ ในเรื่องของการขุดลอกคูคลองเพื่อทำแก้มลิงนำน้ำมาใช้ในการเกษตร โดยมอบหมายให้กรมชลประทานจัดทำแผนกว๊านพะเยาทั้งระบบพร้อมกับได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินการสร้างถนนพะเยา-แม่ใจ ในการป้องกันน้ำท่วมในส่วนต้นน้ำทั้งระบบ
นอกจากนี้นายกได้เน้นย้ำ และใช้เวลาค่อนข้างมากในเรื่องของเว็บไซต์ที่รัฐบาลเปิดขึ้นมา เพื่อรวบรวมโครงการในการติดตามโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยว่าไปถึงไหน เบิกจ่ายเท่าไร จังหวัดใดล่าช้าที่โชว์ได้ทั้งระบบ โดยนายกฯยกตัวอย่างหลายจังหวัดว่าการอัพเดทประกอบการตัดสินใจของนายกฯ ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่คืบหน้าในบางโครงการ
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้จัดรัฐมนตรี 31 คนลง พื้นที่เพื่อติดตามและทำความเข้าใจกับร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่และระดับ กรมในการดำเนินโครงการในแผนงานบริหารจัดการน้ำทั้งแผนเร่งด่วนและระยะยาว รวมถึงรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะของคนในพื้นที่ โดยแบ่งให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ต่างๆ อาทิ ในกลุ่มภาคเหนือตอนบน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงต่างประเทศ ลงพื้นที่ จ.ลำพูน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.ลำปาง ภูมิ สาระผล รมช.กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ จ.เชียงราย นางนลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงพื้นที่ จ.พะเยา นายศักดา คงเพชร รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ จ.น่าน และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงพื้นที่ จ.แพร่ โดยเมื่อรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปแล้วต้องรายงานผลมายังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้จากนั้นจะรวบรวมส่งเข้าที่ประชุม ครม.สัญจร ที่.จ.ชลบุรีในวันที่ 19 มิ.ย.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ชาวบ้านชุมนุมประท้วงเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาซ่อมบ้านเรือนหลังได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 ที่ภาครัฐไม่มีมาตรฐานการตรวจสอบและจ่ายเงินเกิดความเลื่อมล้ำกันมาก บางหลังคาเรือนได้ 20,000 บาท ขณะที่บ้านบางหลังคาเรือนได้เพียง 200-300-1,000 บาท ทั้งๆที่อยู่พื้นที่เดียวกันนั้น ในวันอังคารที่ 5 มิถุนายน นี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อติดตามปัญหาการจ่ายเงินเยียวยาซ่อมบ้านเรือนที่ชาวบ้านร้องเรียนด้วยตัวเอง โดยจะนำคณะผู้ตรวจสอบลงพื้นที่ด้วย เพื่อตรวจสอบและประเมินความเสียหายของบ้านเรือนที่เกิดปัญหาและหาทางแก้ไขเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับเงินเยียวยาอย่างเป็นธรรมและไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในพื้นที่อื่นอีก