“รองนายกฯ เหลิม” ลมออกหู ไล่ ปธ.ศาล รธน.ไปเกิดใหม่ ปากดีท้าดีเบตเย้ยใช้ รธน.ฉบับภาษาอังกฤษหาทางลง เชื่อเหตุยกคำร้องหากไต่สวนแล้วไม่เป็นความจริงแค่ตีกรรเชียงหนีล่วงหน้า สั่ง ตร.ห้ามใช้รุนแรงควบคุมม็อบ หลุดปากต้องตัดสินกันที่พลังมวลชน ลำพัง ตร.เอาไม่อยู่ ปิดหูปิตาป่าไม้เกณฑ์คนร่วมม็อบแดง ชี้เป็นสิทธิตาม ปชต.
วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาสรัฐธรรมนูญ แถลงข่าวยืนยันว่าศาลมีอำนาจในการรับคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูนได้โดยตรง โดยอ้างอิงรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 68 ฉบับภาษาอังกฤษว่า เป็นการหาทางออกให้ตัวเองหรือที่เรียกว่าแถ คงมีความรู้สึกสะดุ้งว่าที่ทำไปแล้วไม่ถูกต้อง เพราะที่นี่ประเทศไทย เราใช้ภาษาไทยไม่ใช่ภาษาต่างชาติ การที่นายวสันต์ออกมาอ้างอิงเช่นนี้จึงไม่ถูกต้อง
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบตายไปสิ แล้วไปเกิดใหม่ที่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ อย่างเว็บพันทิปเขาก็ถล่มกันเละเทะที่มาอ้างภาษาอังกฤษ คุณวสันต์คุณถอยไปเถอะ จะได้จบ งานนี้คนทั้งบ้านทั้งเมืองไม่เอาด้วยหรอก คนเรียนกฎหมายไม่มีใครเป็นเทวดา พอแปลความภาษาไทยสู้ไม่ได้ก็แปลความภาษาอังกฤษ” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
รองนายกฯ ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงประวัติของนายวสันต์ด้วยว่า เมื่อสมัยที่เป็นทนายความก็อยู่ที่สำนักงานของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ แล้วยังเป็นทนายความรุ่นเดียวกับที่ปรึกษากฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (นายบัณฑิต ศิริพันธ์) อีกด้วย เรื่องเหล่านี้แม้จะไม่ผิด แต่ตนก็มีสิทธิ์คิด ดังนั้นจึงขอเตือนไปยังนายวสันต์ว่าอย่าพยายามทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้นายวสันต์ยังเคยสมัครเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ในชั้นวุฒิสภาไม่เลือก
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า แน่นอนว่าหากที่ประชุมร่วมรัฐสภาต้องรับผิดชอบหากมีการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ถือเป็นคำวินิจฉัย ที่สำคัญยังไม่มีการไต่สวน กลับมีความเห็นว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำผิดไปแล้ว ดังนั้น ตนก็มีสิทธิ์กล่าวหานายวสันต์เช่นกันว่าที่แสดงออกมานั้น เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีความผูกพันธ์กับพรรคประชาธิปัตย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางศาลก็ระบุว่าหากไต่สวนแล้วไม่มีความผิด ก็สามารถยกคำร้องได้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า หากศาลคิดเช่นนั้นจริงแล้วตอนนี้มาสร้างความชุลมุนเพื่อเหตุใด เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ตัวคนที่จะมาเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และยังไม่มีรู้ด้วยว่า ส.ส.ร.จะยกร่างอย่างไร และเมื่อยกร่างแล้วที่ประชุมรัฐสภาจะอนุมัติหรือไม่ รวมไปถึงยังมีกระบวนการทำประชามติในการสอบถามประชาชนอีกด้วย แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมาทำเช่นนี้ก็คงไม่มีใครเกรงใจแล้ว การที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปผูกผ้าดำที่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ถือเป็นการหมิ่นศาล เพราะไม่มีกฎหมายระบุไว้ ทั้งนี้ดูจากความเห็นของนักวิชาการต่างๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับศาล หรือแม้แต่อัยการสูงสุดก็คงไม่เห็นด้วย แต่ไม่สามารถวิจารณ์ได้
“คุณวสันต์กับตุลาการเป็นหมอดูหรืออย่างไร ถึงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากอยากเป็นหมอดูก็ลาออกไป ผมก็รู้จักตุลาการหลายคน แต่พอทำอย่างนี้ก็ไม่เกรงใจแล้ว ฝากไปถามคุณวสันต์ว่า พร้อมออกรายการทีวีคู่กับผมในเรื่องนี้หรือไม่ ผมจับอาการศาลที่ว่าหากไต่สวนแล้วไม่ผิดก็ยกคำร้อง คิดว่าตีกรรเชียงแล้วล้านเปอร์เซ็นต์” รองนายกฯ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาพรุ่งนี้ (8 มิ.ย.) จะถือโอกาสชี้แจงเรื่องนี้กับ ส.ส.และ ส.ว.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ยังไม่ทราบประธานรัฐสภาจะเปิดโอกาสให้อภิปรายแค่ไหน แต่ก็พร้อมที่จะอภิปราย และอาจใช้เวลามากเพราะรายละเอียดค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่หอประชุมกองทัพเรือ ตนจะถือโอกาสนี้อธิบายให้ผู้เข้าร่วมประชุมรับทราบด้วย ส่วนจะมีการลงมติในวาระที่ 3 หรือไม่ ต้องสอบถามนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา
เมื่อถามว่าในวงรับประทานอาหารกลางวันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.มีการหารือถึงเรื่องศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวปฏิเสธว่า เป็นการรับประทานอาหารร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้พูดคุยเรื่องอื่น หรือแม้แต่เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีด้วย ส่วนที่ข่าวมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯและรมว.มหาดไทย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ร่วมอยู่ด้วยนั้นก็เป็นการรายงานข่าวที่ผิด
เมื่อถามถึงในส่วนการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ในส่วนของตำรวจมีการปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สำหรับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ที่ดึงเข้ามาช่วยก็เพราะมีทักษะการทำงานที่เป็นระบบ ส่วนงานในตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส.ก็คงไม่กระทบ เพราะถือเป็นเรื่องความมั่นคงเช่นกัน ทั้งนี้ ตนได้มอบนโยบายเกี่ยวกับควบคุมผู้ชุมนุมไปแล้ว โดยยึดแบบประเทศอังกฤษ ให้มีการแสดงอุปกรณ์ และประกาศให้ชัดว่าผู้ชุมนุมกำลังทำความผิดอะไร ก่อนลงมือตามขั้นตอน โดยให้สื่อมวลชนเป็นพยาน หลีกเลี่ยงการใช้แก๊สน้ำตาหากไม่จำเป็น เน้นใช้การผลักดันและประจานให้เห็นว่าใครทำผิดอะไร
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวช่วงหนึ่งด้วยว่า “งานนี้ต้องตัดสินกันด้วยมวลชน ลำพังตำรวจเอาไม่อยู่หรอก”
รองนายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า เชื่อว่าผู้ชุมนุมคงไม่มีอาวุธอะไร เพราะคนที่ถือศีลกินเจคงไม่คิดร้ายกับใคร แกนนำพันธมิตรฯก็ไหว้พระไหว้เจ้าก่อนชุมนุม คงไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอยู่ในตำแหน่ง ไม่มีเหมือนรัฐบาลที่แล้วแน่นอน โดยจะไม่มีการใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ส่วนที่มองว่า พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นตำรวจสายเหยี่ยวอาจจะมีการใช้ความรุนแรงนั้น คงไม่มีเช่นกัน เพราะ พล.ต.ต.คำรณวิทย์เป็นตำรวจมือปราบจับโจร จึงนำตรงนี้ไปทึกทักกันเอาเอง
สำหรับกระแสข่าวการที่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในวันพรุ่งนี้ (8 มิ.ย.) เตรียมเสนอให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์มาทำหน้าที่ ผบช.น.เต็มตัวนั้น ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธว่า ไม่มีวาระดังกล่าวในการประชุม มีเพียงประชุมเรื่องอื่นเท่านั้น สื่อลงข่าวกันไปเอง อีกทั้ง พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. ที่ถูกสั่งไปช่วยราชการ สตช.30 วัน ก็ถือเป็นคนน่ารัก ทำงานดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่าการประชุมรัฐสภาในช่วง 2 สัปดาห์นี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวแสดงความมั่นใจว่าเรียบร้อยแน่นอน สามารถดูแลผู้ชุมนุมได้ทุกกลุ่ม แต่ขอเตือนว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีแนวทางเช่นนี้ออกมา อาจจะมีประชาชนบางส่วนไปยื่นคำร้องว่า พรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มพันธมิตรฯ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภา อาละวาดในที่ประชุม เรื่องนี้แบบนี้ค่อนข้างชัด แล้วศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องหรือไม่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการเกณฑ์เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มาเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยรวมตัวอยู่ในพื้นที่สวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทราบ และคงไม่มีการเกณฑ์ แต่หากเต็มใจมาก็ห้ามกันไม่ได้ อย่างผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ก็มีข้าราชการร่วมเหมือนกัน การมาแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยถือว่าไม่ผิด ไม่ได้มาก่อความรุนแรง จึงไม่ห่วงว่าจะมีม็อบชนม็อบอย่างที่กลัวกัน มั่นใจว่าควบคุมได้