ASTVผู้จัดการรายวัน-เมินศาลสั่ง ทีมกฎหมายรัฐสภา สวนไม่มีผลผูกพัน ยันรัฐสภาลงมติแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ได้ วิปรัฐแย้มพร้อมยัดวาระโหวต ปูดกระทรวงทรัพย์ฯ เจ้าเก่า ระดมเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ากรุง เป้า 5 พันคน ร่วมม็อบ นปช. หนุนชำเรารัฐธรรมนูญและออกพ.ร.บ.ปรองดอง "สนธิ" ท้า "คำรณวิทย์" โชว์จัดการม็อบแดง
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ออกไปก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และศาลฯ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการมีคำสั่งไปแล้ว แต่ในฟากรัฐบาล และคนที่สนับสนุนรัฐบาล ก็ยังมีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยไม่สนว่าศาลฯ จะมีคำสั่งเป็นเช่นไร
** ทีมกฎหมายรัฐสภาสวนไม่มีผลผูกพัน
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภา แถลงในเรื่องนี้ว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ชะลอการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 คณะกรรมการฯ ได้มีการสรุปความคิดเห็น 6 ข้อ ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยเห็นว่าคำสั่งของศาลไม่ผูกพันต่อการทำหน้าที่ของรัฐสภา เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาดและการใช้อำนาจคุ้มครองชั่วคราว ไม่ผูกพันต่อรัฐสภา เพราะไม่ใช้หน่วยงานของราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ต้องเป็นไปตามมาตรา 122
"การออกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การออกคำสั่งต่อประธานรัฐสภา ซึ่งการพิจารณาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 จึงไม่ขัดต่อคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด และยืนยันว่า ข้อพิจารณาทั้ง 6 ข้อ เป็นความเห็นโดยสุจริตบนพื้นฐานของกฎหมาย ส่วนจะมีดุลพินิจิอย่างไร ก็เป็นอำนาของประธานสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาต่อไป"นายพิทูรกล่าว
**แย้มพร้อมยัดวาระโหวตรัฐธรรมนูญ
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังประชุมวิปรัฐบาลว่า การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ จะเป็นการพิจารณากรอบเจรจาสนธิสัญญาระหว่างประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และประธานรัฐสภาจะแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ชะลอการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 โดยจะไม่มีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3
"หากมีสมาชิกรัฐสภาคนใดเสนอให้มีการหยิบวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา ก็สามารถทำได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนวันที่ 12 มิ.ย. ที่จะมีการผลักดันให้มีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกบางคนเท่านั้น"
นอกจากนี้ ได้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ ในวันที่ 13-14 มิ.ย.เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
**วิปรัฐลงมติเลื่อนปรองดองไปสมัยหน้า
นายอุดมเดชกล่าวว่า ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติทั้ง 4 ฉบับ วิปรัฐบาลเห็นควรเลื่อนวาระไปพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไป ที่จะเปิดในวันที่ 1 ส.ค.2555 โดยสมัยนี้จะไม่หารือเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองแน่นอน แต่หากเปิดสมัยประชุมหน้า พ.ร.บ.ปรองดองฯ ก็อยู่ในวาระแรกอยู่แล้ว สามารถหยิบมาพิจารณาได้
**พท.ผนึกแดงยื่นถอด 8 ตุลาการ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เบื้องต้นมีส.ส.เสื้อแดงและพรรคได้ลงรายชื่อประมาณ 100 รายชื่อ ในการถอดถอน 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยในวันที่ 7 มิ.ย. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางมายื่นรายชื่อต่อประธานสภา เพื่อถอดถอนตุลการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติบังคับให้สภาระงับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. ดูแลงานความมั่นคง กล่าวว่า ในวันที่ 7 มิ.ย.2555 นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ จะนำมวลชนคาดว่าประมาณ 5,000 คนขึ้นไป มาลงชื่อตั้งโต๊ะยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คน บริเวณหน้ารัฐสภา โดยมีรถเครื่องเสียงและชุดการ์ดเริ่มเข้าพื้นที่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อสส.จะมีการประชุมในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ หวังว่าอสส.ยังเป็นที่พึ่งของสังคม และอสส.อย่าไปคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญผิดหรือถูก แต่ต้องฟันธงว่าผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามมาตรา 68 ที่กำหนดว่าต้องเป็นอสส. เท่านั้น บ้านเมืองจะดีขึ้น และบางคนไปไกลนำกฎหมายแพ่งมาเกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง อีกทั้งยังบอกว่าต้องคานอำนาจของรัฐสภา เพราะมีที่ใดที่มีการคานอำนาจรัฐสภา การจะพูดอะไรต้องรับผิดชอบ
**ฝ่าฝืนคำสั่งศาลเจอยื่นถอดถอนแน่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาระบุยืนยันว่าสามารถเปิดประชุมเพื่อโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ได้นั้น ตนเองไม่ทราบว่าฝ่ายกฎหมาย หรือกรรมการชุดใด และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะต้องไปลงมติในวาระ 3 หากจะทำต่อไป ก็จะยิ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมมากยิ่งขึ้น ขอให้รอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะดีกว่า การยืนยันจะดำเนินการลงมติ ก็เท่ากับขัดคำสั่งศาล จะเป็นปัญหากับคนที่ขัดคำสั่งศาล เพราะจงใจฝ่าฝืนกฎหมาย และจะเข้าเงื่อนไขถูกยื่นถอดถอนได้
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าเป็นเกมที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ขอยืนยันว่าพรรคไม่ได้สนใจเรื่องยุบพรรค แต่สนใจแต่สิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“ขอฝากให้ประธานสภายึดในกฎหมาย ข้อบังคับและรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด และเคารพการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย อย่าหวั่นไหว เพียงเพราะพรรคเพื่อไทยหรือใครมากดดัน จึงขอให้ประธานพิจารณาให้ดีที่อาจจะซ้ำเติมปัญหาบ้านเมืองให้ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น เพราะที่สุดใครจะสั่งท่านมาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบในผลการกระทำร่วมกับท่านประธานด้วย จึงขอให้คิดดำเนินการให้ถูกต้อง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ขู่วอล์กเอาต์ลักไก่ลงมติวาระ 3
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวยอมรับว่า ปชป. ยังไม่ไว้ใจท่าทีของรัฐบาลและประธานสภา ตนขอเรียกร้องภาวะผู้นำจากนายกรัฐมนตรีหยุดยั้งก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ มีการเสนอเรื่องของการลงมติวาระ 3 ของการแก้รัฐธรรมนูญนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เข้าร่วม จะวอล์กเอาต์ เพราะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งศาล
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เรียกร้องให้นายสมศักดิ์ แสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าในการประชุมรัฐสภาวันที่ 8 มิ.ย.จะลงมติเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3หรือไม่แม้ว่ามีการบรรจุระเบียบวาระรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หากในวันที่ 8 มิ.ย. มีอะไรผิดปกติ ยืนยันว่าจะสู้เต็มที่แน่นอนอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
***ระดมป่าไม้เข้ากรุงร่วมม็อบ นปช.
ทางด้านความเคลื่อนไหวของมวลชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และลูกจ้างจากอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทั้งจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ให้เดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยให้ไปรวมตัวกันที่วัดธรรมกาย กำหนดจังหวัดละ 200 คน ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นการไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรม ให้เดินทางในรูปแบบพลเรือนทั่วไป ห้ามสวมเครื่องแบบ และติดเครื่องหมายสัญลักษณ์หน่วยงานต้นสังกัด
“ทางการข่าวระบุว่า การระดมเจ้าหน้าที่และลูกจ้างดังกล่าวมีเป้าหมายถูกวางให้เข้าไปเป็นการ์ดและร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กรุงเทพฯ ในหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรม 2550 และการออก พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ และประท้วงต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ” แหล่งข่าวกล่าว
***"ดำรงค์"รับเซ็นคำสั่งขนคนจริง
นายยดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์จากสหรัฐฯ ว่า ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนเดินทางไปสหรัฐฯ ในเรื่องโครงการฝึกอบรมจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระหว่างวันที่ 7-16 มิ.ย.ที่วัดพระธรรมกาย โดยมีผู้เข้าฝึกอบรมเป็นข้าราชการประจำและพนักงานราชการ ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 จำนวน 2,500 นายโดยให้แต่ละสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ส่งเจ้าหน้าที่มาฝึกอบรม สำนักฯ ละ 100 -200 คน พร้อมขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีการระดมเจ้าหน้าที่มาชุมนุมแต่อย่างใด และมาอบรมธรรมจริยาตามปกติเหมือนการอบรมประจำทุกปี แต่มีคนชอบปล่อยข่าวกันไปเรื่อย
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการชุมนุม ใครจะชุมนุมก็ชุมนุมไป ไม่มีอะไรเลย เป็นการคำนวณคาดการณ์กันไป ว่า อะไรมันจะเกิด คิดว่าคนที่ปล่อยข่าว คงจะเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เรื่องนี้มันคนละมุมเลย วันนี้จะไปเดินขบวนเพื่ออะไร ถ้าเห็นว่าไม่ดีก็สั่งยกเลิกเท่านั้น คิดกันไปเรื่อยเปื่อย เพราะเหตุการณ์ยังไม่เกิด ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายดำรงกล่าว
***สายตรงภาคสนามแฉเป้า5พันคน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.40 น. แฟนเพจ สายตรงภาคสนาม ซึ่งประกาศตัวว่าเกิดจากการรวมตัวของนักข่าวภาคสนามจากสื่อหลายสำนัก ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวข้าราชการที่มีความเป็นห่วงบ้านเมือง ถึงการเคลื่อนไหวของกรมหลักในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีข้าราชการระดับสูงที่มีความสนิทสนมกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่เบื้องหลัง โดยในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีการเรียกผู้อำนวยการทั้ง 16 สำนักให้จัดหาลูกจ้างสำนักละ 200 คนเพื่อระดมกำลังเข้ากรุงเทพฯ โดยแบ่งการดูแลเป็นทีม คือ ให้ข้าราชการ 1 คนคุมลูกจ้าง 50 คน รวมเฉพาะกรมอุทยานฯ จะมีลูกจ้างที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 3,200 คน ยังไม่รวมข้าราชการที่จะทำหน้าที่คุมทีม
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งด้วยวาจาไปยังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้จัดกำลังลูกจ้าง 2,000 คน ซึ่งทั้งหมดมีกำหนดที่จะเดินทางวันที่ 7-16 มิ.ย.นี้
***"สนธิ"ท้า"คำรณวิทย์"จัดการม็อบแดง
ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการสั่งโยกย้ายนายตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่า บรรยากาศวันนี้เริ่มกลับไปเหมือนสมัยยุคที่ตนต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มมีการใช้กำลังตำรวจมากดดัน ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คนขับรถของตนกลับบ้าน โดนค้นตัวว่าพกอาวุธหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าไปประหลาดใจ ในขณะนี้ ตำรวจชุดนี้กำลังจะเน้นมาปราบปรามแกนนำ ใช้อำนาจรัฐเข้าไปปราบปรามแกนนำ ตนจะยังไม่พูดถึง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการ ผบช.น. แต่เอาเป็นว่าเรารู้อยู่แล้วว่า พล.ต.ต.คำรณวิทย์มาเพราะใคร อีกอย่างหนึ่ง ก็เหมือนกับสมัยที่มีการปราบปรามประชาชนในวันที่ 7 ต.ค.2551 เพื่อแลกกับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในยุคนั้น งานนี้เขาไม่ได้ต่างกัน
ทั้งนี้ ถ้าจะดูตำรวจให้ดูประวัติ เมื่อไปตรวจสอบประวัติ พล.ต.ต.คำรณวิทย์แล้ว ก็จะรู้ทันทีว่าจิตใจแกเป็นอย่างไร แล้ว พล.ต.ต.คำรณวิทย์ก็เป็นค่ายเดียวกับ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ค่ายนี้ 2 คนนี้ เขาเคยลงไปปราบปรามทางภาคใต้อย่างรุนแรงมาแล้ว มีการล้มหายตายจากของพ่อแม่พี่น้องชาวมุสลิม ที่จังหวัดนราธิวาส แล้วล้มหายตายจากกันแบบหาศพไม่เจอ เดินๆ อยู่ถูกอุ้มหายไป พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ก็มีเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ยังไม่ได้ชี้มูลสักที ทั้งๆ ที่มีคนไปให้การกล่าวหา พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ แล้ววันนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ตั้งพล.ต.ต.คำรณวิทย์มา ตั้งมาเพราะการเมืองบอกให้ตั้ง ซึ่งตนไม่เชื่อว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จะเป็นคนที่สั่ง เพราะจะเกษียณอายุในเดือนก.ย.นี้แล้ว ไม่มีเหตุอะไรก็ตามที่จะหาเรื่องเข้ากับตัวเอง
“ผมก็อยากจะฝากคุณคำรณวิทย์ไว้ด้วย สิ่งแรกที่คุณคำรณวิทย์พูด สะท้อนให้เห็นเจตนา และสะท้อนให้เห็นจิตใจว่าต้องการจะใช้วิธีการใดในการที่จะมาสลายการชุมนุมของประชาชนที่ชุมนุมตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในเมื่อเริ่มพูดด้วยคำว่าถนนหนทางนั้น อย่ามาชุมนุม เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน แสดงว่าคุณคำรณวิทย์ไม่เข้าใจหลักการรัฐธรรมนูญเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อคุณคำรณวิทย์ไม่เข้าใจหลักการรัฐธรรมนูญ ก็น่ากลัวมากที่สังคมไทยมีตำรวจเช่นนี้ แล้วคิดออกเพียงแค่ประชาชนไม่มีสิทธิ์ ในฐานะที่พันธมิตรฯ อยู่รอดูเหตุการณ์ ผมไม่อยากให้คุณคำรณวิทย์มีสองมาตรฐาน ไหนๆ พวกเสื้อแดงก็จะชุมนุมกันอยู่แล้ว กรุณาจัดการให้พวกเสื้อแดงอย่ากีดขวางการจราจรตามที่คุณคำรณวิทย์พูดสักหน่อย ไม่ใช่ว่าพอเสื้อแดงชุมนุมแล้วอะลุ้มอล่วยกัน แล้วพออีกหน่อยพันธมิตรฯ ออกแล้วไม่อะลุ้มอล่วย ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองมาก” นายสนธิกล่าว
***ฝากผบ.ตร.-เหลิมรื้อคดียิง200นัด
นายสนธิยังกล่าวฝากไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ตลอดจน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ว่า ก่อนที่จะคิดว่าพันธมิตรฯ มาชุมนุมแล้วเกะกะเส้นทางจราจร ช่วยกรุณารื้อฟื้นคดีที่ตนถูกยิง 200 นัดขึ้นมาได้หรือไม่ หรือว่าจะรอให้ตนโดนยิงอีก 200 นัด อย่ามาเก่งกับประชาชน หาผู้กระทำความผิดให้หน่อยได้หรือไม่ สมัยพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ยอมทำ สมัยพรรคเพื่อไทยก็ไม่ยอมทำ ถ้าจะรักษากฎหมายให้มันมีมาตรฐานหน่อยได้หรือไม่ อย่ามาอวดเก่งกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ หลักฐานมีอยู่แล้วตนโดนยิง 200 นัด ถ้าจริงใจ จริงจัง เต็มใจ ก็รื้อคดีนี้ขึ้นมาทันทีเลย แล้วหาออกมาให้ได้ ว่าใครลอบยิงตน ซึ่งไม่ยาก เพราะผลการสอบสวนอยู่ในระดับหนึ่งที่สามารถชี้ตัวคนได้แล้ว ผลการสอบสวนของเก่าก็มี รื้อสักหน่อยอย่านั่งเฉย
**อัด“ปู”สถาปนารัฐตำรวจทำลายคู่ต่อสู้
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดป้ายต่อต้าน พ.ร.บ.ล้างผิด ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยกดดันตำรวจให้เก็บป้ายว่า ป้ายดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายความมั่นคง หากจะมีความผิดก็เพียงแค่ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มีโทษปรับเท่านั้น การกระทำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ สถาปนารัฐตำรวจขึ้นมาใหม่ ไม่ต่างอะไรจากยุคพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการสั่งย้ายตำรวจที่ไม่เก็บป้ายต่อต้านรัฐบาล ทั้งนี้ เห็นว่าถ้ารัฐบาลยังเก็บป้ายทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจก็สุ่มเสี่ยงทำผิดข้อหาลักทรัพย์ โดยเจ้าของป้ายสามารถแจ้งข้อหาลักทรัพย์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
**ปัดย้าย ผกก. เหตุปล่อยติดป้าย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกตำรวจแล้วให้แก้ไขปัญหาการชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม อย่าใช้กำลังโดยเด็ดขาด ตนได้อธิบายความตามที่ได้ฝึกปราบจลาจลมาจากระบบประเทศอังกฤษ อธิบายขั้นตอน ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ให้สื่อให้ประชาชนเห็น พฤติกรรมม็อบเป็นอย่างไร ตำรวจดำเนินการอย่างไร และไม่ใช้อาวุธ การใช้แก๊สน้ำตาให้กลิ้ง อย่าใช้ปืนยิง
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย ไปดำเนินการเรื่องป้ายแล้ว
เมื่อถามว่ากรณีการโยกย้ายผกก.สน.สำราญราษฎร์ และสน.ธรรมศาลา นั้น เป็นผลมาจากกรณีเรื่องป้ายดังกล่าวหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวครับ คงจะมีเหตุผลของทางผู้บังคับบัญชา
**ผบ.ตร.นำ“คำรณวิทย์-วรพงษ์”รับม็อบแดง
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (6 มิ.ย.) ที่บริเวณหน้ารัฐสภา กลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่ทำหน้าที่เป็นการ์ด นปช. ได้ทยอยเดินทางมาปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้ารัฐสภา
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 ทำหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง และพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ได้เดินทางมาดูพื้นที่และมีการหารือ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความเรียบร้อย และดูเรื่องการจราจร และไม่เชื่อว่าจะมีการปะทะกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซักซ้อมขั้นตอนแผนป้องกันการเผชิญเหตุตลอด
ด้านพล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ไปว่าให้ป้องกันเหตุ ไม่ให้ปะทะ ยืนยันว่าเราจะดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีอะไรแตกต่าง
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ออกไปก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และศาลฯ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการมีคำสั่งไปแล้ว แต่ในฟากรัฐบาล และคนที่สนับสนุนรัฐบาล ก็ยังมีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยไม่สนว่าศาลฯ จะมีคำสั่งเป็นเช่นไร
** ทีมกฎหมายรัฐสภาสวนไม่มีผลผูกพัน
นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภา แถลงในเรื่องนี้ว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ชะลอการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 คณะกรรมการฯ ได้มีการสรุปความคิดเห็น 6 ข้อ ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยเห็นว่าคำสั่งของศาลไม่ผูกพันต่อการทำหน้าที่ของรัฐสภา เนื่องจากไม่เป็นไปตามมาตรา 216 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาดและการใช้อำนาจคุ้มครองชั่วคราว ไม่ผูกพันต่อรัฐสภา เพราะไม่ใช้หน่วยงานของราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐสภา ต้องเป็นไปตามมาตรา 122
"การออกคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การออกคำสั่งต่อประธานรัฐสภา ซึ่งการพิจารณาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 จึงไม่ขัดต่อคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด และยืนยันว่า ข้อพิจารณาทั้ง 6 ข้อ เป็นความเห็นโดยสุจริตบนพื้นฐานของกฎหมาย ส่วนจะมีดุลพินิจิอย่างไร ก็เป็นอำนาของประธานสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาต่อไป"นายพิทูรกล่าว
**แย้มพร้อมยัดวาระโหวตรัฐธรรมนูญ
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังประชุมวิปรัฐบาลว่า การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ จะเป็นการพิจารณากรอบเจรจาสนธิสัญญาระหว่างประเทศตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 และประธานรัฐสภาจะแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบเกี่ยวคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ชะลอการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 โดยจะไม่มีการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3
"หากมีสมาชิกรัฐสภาคนใดเสนอให้มีการหยิบวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา ก็สามารถทำได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ส่วนวันที่ 12 มิ.ย. ที่จะมีการผลักดันให้มีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกบางคนเท่านั้น"
นอกจากนี้ ได้นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ ในวันที่ 13-14 มิ.ย.เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
**วิปรัฐลงมติเลื่อนปรองดองไปสมัยหน้า
นายอุดมเดชกล่าวว่า ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติทั้ง 4 ฉบับ วิปรัฐบาลเห็นควรเลื่อนวาระไปพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไป ที่จะเปิดในวันที่ 1 ส.ค.2555 โดยสมัยนี้จะไม่หารือเรื่องพ.ร.บ.ปรองดองแน่นอน แต่หากเปิดสมัยประชุมหน้า พ.ร.บ.ปรองดองฯ ก็อยู่ในวาระแรกอยู่แล้ว สามารถหยิบมาพิจารณาได้
**พท.ผนึกแดงยื่นถอด 8 ตุลาการ
นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เบื้องต้นมีส.ส.เสื้อแดงและพรรคได้ลงรายชื่อประมาณ 100 รายชื่อ ในการถอดถอน 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยในวันที่ 7 มิ.ย. กลุ่มคนเสื้อแดงจะเดินทางมายื่นรายชื่อต่อประธานสภา เพื่อถอดถอนตุลการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีมติบังคับให้สภาระงับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. ดูแลงานความมั่นคง กล่าวว่า ในวันที่ 7 มิ.ย.2555 นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ จะนำมวลชนคาดว่าประมาณ 5,000 คนขึ้นไป มาลงชื่อตั้งโต๊ะยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คน บริเวณหน้ารัฐสภา โดยมีรถเครื่องเสียงและชุดการ์ดเริ่มเข้าพื้นที่แล้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อสส.จะมีการประชุมในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ หวังว่าอสส.ยังเป็นที่พึ่งของสังคม และอสส.อย่าไปคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญผิดหรือถูก แต่ต้องฟันธงว่าผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามมาตรา 68 ที่กำหนดว่าต้องเป็นอสส. เท่านั้น บ้านเมืองจะดีขึ้น และบางคนไปไกลนำกฎหมายแพ่งมาเกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นคนละเรื่อง อีกทั้งยังบอกว่าต้องคานอำนาจของรัฐสภา เพราะมีที่ใดที่มีการคานอำนาจรัฐสภา การจะพูดอะไรต้องรับผิดชอบ
**ฝ่าฝืนคำสั่งศาลเจอยื่นถอดถอนแน่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาระบุยืนยันว่าสามารถเปิดประชุมเพื่อโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ได้นั้น ตนเองไม่ทราบว่าฝ่ายกฎหมาย หรือกรรมการชุดใด และไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะต้องไปลงมติในวาระ 3 หากจะทำต่อไป ก็จะยิ่งทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคมมากยิ่งขึ้น ขอให้รอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะดีกว่า การยืนยันจะดำเนินการลงมติ ก็เท่ากับขัดคำสั่งศาล จะเป็นปัญหากับคนที่ขัดคำสั่งศาล เพราะจงใจฝ่าฝืนกฎหมาย และจะเข้าเงื่อนไขถูกยื่นถอดถอนได้
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าเป็นเกมที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ขอยืนยันว่าพรรคไม่ได้สนใจเรื่องยุบพรรค แต่สนใจแต่สิ่งที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“ขอฝากให้ประธานสภายึดในกฎหมาย ข้อบังคับและรัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด และเคารพการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย อย่าหวั่นไหว เพียงเพราะพรรคเพื่อไทยหรือใครมากดดัน จึงขอให้ประธานพิจารณาให้ดีที่อาจจะซ้ำเติมปัญหาบ้านเมืองให้ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น เพราะที่สุดใครจะสั่งท่านมาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มาร่วมรับผิดชอบในผลการกระทำร่วมกับท่านประธานด้วย จึงขอให้คิดดำเนินการให้ถูกต้อง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
**ขู่วอล์กเอาต์ลักไก่ลงมติวาระ 3
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวยอมรับว่า ปชป. ยังไม่ไว้ใจท่าทีของรัฐบาลและประธานสภา ตนขอเรียกร้องภาวะผู้นำจากนายกรัฐมนตรีหยุดยั้งก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ มีการเสนอเรื่องของการลงมติวาระ 3 ของการแก้รัฐธรรมนูญนั้น พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่เข้าร่วม จะวอล์กเอาต์ เพราะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งศาล
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า เรียกร้องให้นายสมศักดิ์ แสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่าในการประชุมรัฐสภาวันที่ 8 มิ.ย.จะลงมติเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3หรือไม่แม้ว่ามีการบรรจุระเบียบวาระรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หากในวันที่ 8 มิ.ย. มีอะไรผิดปกติ ยืนยันว่าจะสู้เต็มที่แน่นอนอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
***ระดมป่าไม้เข้ากรุงร่วมม็อบ นปช.
ทางด้านความเคลื่อนไหวของมวลชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และลูกจ้างจากอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทั้งจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ให้เดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ โดยให้ไปรวมตัวกันที่วัดธรรมกาย กำหนดจังหวัดละ 200 คน ซึ่งมีการอ้างว่าเป็นการไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรม ให้เดินทางในรูปแบบพลเรือนทั่วไป ห้ามสวมเครื่องแบบ และติดเครื่องหมายสัญลักษณ์หน่วยงานต้นสังกัด
“ทางการข่าวระบุว่า การระดมเจ้าหน้าที่และลูกจ้างดังกล่าวมีเป้าหมายถูกวางให้เข้าไปเป็นการ์ดและร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กรุงเทพฯ ในหลายรูปแบบ เพื่อสนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรม 2550 และการออก พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ และประท้วงต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ” แหล่งข่าวกล่าว
***"ดำรงค์"รับเซ็นคำสั่งขนคนจริง
นายยดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์จากสหรัฐฯ ว่า ได้ลงนามในหนังสือคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนเดินทางไปสหรัฐฯ ในเรื่องโครงการฝึกอบรมจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ระหว่างวันที่ 7-16 มิ.ย.ที่วัดพระธรรมกาย โดยมีผู้เข้าฝึกอบรมเป็นข้าราชการประจำและพนักงานราชการ ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 จำนวน 2,500 นายโดยให้แต่ละสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ส่งเจ้าหน้าที่มาฝึกอบรม สำนักฯ ละ 100 -200 คน พร้อมขอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีการระดมเจ้าหน้าที่มาชุมนุมแต่อย่างใด และมาอบรมธรรมจริยาตามปกติเหมือนการอบรมประจำทุกปี แต่มีคนชอบปล่อยข่าวกันไปเรื่อย
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการชุมนุม ใครจะชุมนุมก็ชุมนุมไป ไม่มีอะไรเลย เป็นการคำนวณคาดการณ์กันไป ว่า อะไรมันจะเกิด คิดว่าคนที่ปล่อยข่าว คงจะเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เรื่องนี้มันคนละมุมเลย วันนี้จะไปเดินขบวนเพื่ออะไร ถ้าเห็นว่าไม่ดีก็สั่งยกเลิกเท่านั้น คิดกันไปเรื่อยเปื่อย เพราะเหตุการณ์ยังไม่เกิด ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายดำรงกล่าว
***สายตรงภาคสนามแฉเป้า5พันคน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.40 น. แฟนเพจ สายตรงภาคสนาม ซึ่งประกาศตัวว่าเกิดจากการรวมตัวของนักข่าวภาคสนามจากสื่อหลายสำนัก ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวข้าราชการที่มีความเป็นห่วงบ้านเมือง ถึงการเคลื่อนไหวของกรมหลักในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีข้าราชการระดับสูงที่มีความสนิทสนมกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีต รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่เบื้องหลัง โดยในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีการเรียกผู้อำนวยการทั้ง 16 สำนักให้จัดหาลูกจ้างสำนักละ 200 คนเพื่อระดมกำลังเข้ากรุงเทพฯ โดยแบ่งการดูแลเป็นทีม คือ ให้ข้าราชการ 1 คนคุมลูกจ้าง 50 คน รวมเฉพาะกรมอุทยานฯ จะมีลูกจ้างที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 3,200 คน ยังไม่รวมข้าราชการที่จะทำหน้าที่คุมทีม
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งด้วยวาจาไปยังกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้จัดกำลังลูกจ้าง 2,000 คน ซึ่งทั้งหมดมีกำหนดที่จะเดินทางวันที่ 7-16 มิ.ย.นี้
***"สนธิ"ท้า"คำรณวิทย์"จัดการม็อบแดง
ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการสั่งโยกย้ายนายตำรวจในกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่า บรรยากาศวันนี้เริ่มกลับไปเหมือนสมัยยุคที่ตนต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มมีการใช้กำลังตำรวจมากดดัน ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คนขับรถของตนกลับบ้าน โดนค้นตัวว่าพกอาวุธหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่าไปประหลาดใจ ในขณะนี้ ตำรวจชุดนี้กำลังจะเน้นมาปราบปรามแกนนำ ใช้อำนาจรัฐเข้าไปปราบปรามแกนนำ ตนจะยังไม่พูดถึง พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาราชการ ผบช.น. แต่เอาเป็นว่าเรารู้อยู่แล้วว่า พล.ต.ต.คำรณวิทย์มาเพราะใคร อีกอย่างหนึ่ง ก็เหมือนกับสมัยที่มีการปราบปรามประชาชนในวันที่ 7 ต.ค.2551 เพื่อแลกกับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลในยุคนั้น งานนี้เขาไม่ได้ต่างกัน
ทั้งนี้ ถ้าจะดูตำรวจให้ดูประวัติ เมื่อไปตรวจสอบประวัติ พล.ต.ต.คำรณวิทย์แล้ว ก็จะรู้ทันทีว่าจิตใจแกเป็นอย่างไร แล้ว พล.ต.ต.คำรณวิทย์ก็เป็นค่ายเดียวกับ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ค่ายนี้ 2 คนนี้ เขาเคยลงไปปราบปรามทางภาคใต้อย่างรุนแรงมาแล้ว มีการล้มหายตายจากของพ่อแม่พี่น้องชาวมุสลิม ที่จังหวัดนราธิวาส แล้วล้มหายตายจากกันแบบหาศพไม่เจอ เดินๆ อยู่ถูกอุ้มหายไป พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ก็มีเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. ยังไม่ได้ชี้มูลสักที ทั้งๆ ที่มีคนไปให้การกล่าวหา พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ แล้ววันนี้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ตั้งพล.ต.ต.คำรณวิทย์มา ตั้งมาเพราะการเมืองบอกให้ตั้ง ซึ่งตนไม่เชื่อว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จะเป็นคนที่สั่ง เพราะจะเกษียณอายุในเดือนก.ย.นี้แล้ว ไม่มีเหตุอะไรก็ตามที่จะหาเรื่องเข้ากับตัวเอง
“ผมก็อยากจะฝากคุณคำรณวิทย์ไว้ด้วย สิ่งแรกที่คุณคำรณวิทย์พูด สะท้อนให้เห็นเจตนา และสะท้อนให้เห็นจิตใจว่าต้องการจะใช้วิธีการใดในการที่จะมาสลายการชุมนุมของประชาชนที่ชุมนุมตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในเมื่อเริ่มพูดด้วยคำว่าถนนหนทางนั้น อย่ามาชุมนุม เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน แสดงว่าคุณคำรณวิทย์ไม่เข้าใจหลักการรัฐธรรมนูญเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อคุณคำรณวิทย์ไม่เข้าใจหลักการรัฐธรรมนูญ ก็น่ากลัวมากที่สังคมไทยมีตำรวจเช่นนี้ แล้วคิดออกเพียงแค่ประชาชนไม่มีสิทธิ์ ในฐานะที่พันธมิตรฯ อยู่รอดูเหตุการณ์ ผมไม่อยากให้คุณคำรณวิทย์มีสองมาตรฐาน ไหนๆ พวกเสื้อแดงก็จะชุมนุมกันอยู่แล้ว กรุณาจัดการให้พวกเสื้อแดงอย่ากีดขวางการจราจรตามที่คุณคำรณวิทย์พูดสักหน่อย ไม่ใช่ว่าพอเสื้อแดงชุมนุมแล้วอะลุ้มอล่วยกัน แล้วพออีกหน่อยพันธมิตรฯ ออกแล้วไม่อะลุ้มอล่วย ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองมาก” นายสนธิกล่าว
***ฝากผบ.ตร.-เหลิมรื้อคดียิง200นัด
นายสนธิยังกล่าวฝากไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ตลอดจน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ว่า ก่อนที่จะคิดว่าพันธมิตรฯ มาชุมนุมแล้วเกะกะเส้นทางจราจร ช่วยกรุณารื้อฟื้นคดีที่ตนถูกยิง 200 นัดขึ้นมาได้หรือไม่ หรือว่าจะรอให้ตนโดนยิงอีก 200 นัด อย่ามาเก่งกับประชาชน หาผู้กระทำความผิดให้หน่อยได้หรือไม่ สมัยพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ยอมทำ สมัยพรรคเพื่อไทยก็ไม่ยอมทำ ถ้าจะรักษากฎหมายให้มันมีมาตรฐานหน่อยได้หรือไม่ อย่ามาอวดเก่งกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ หลักฐานมีอยู่แล้วตนโดนยิง 200 นัด ถ้าจริงใจ จริงจัง เต็มใจ ก็รื้อคดีนี้ขึ้นมาทันทีเลย แล้วหาออกมาให้ได้ ว่าใครลอบยิงตน ซึ่งไม่ยาก เพราะผลการสอบสวนอยู่ในระดับหนึ่งที่สามารถชี้ตัวคนได้แล้ว ผลการสอบสวนของเก่าก็มี รื้อสักหน่อยอย่านั่งเฉย
**อัด“ปู”สถาปนารัฐตำรวจทำลายคู่ต่อสู้
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการติดป้ายต่อต้าน พ.ร.บ.ล้างผิด ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยกดดันตำรวจให้เก็บป้ายว่า ป้ายดังกล่าวไม่ผิดกฎหมายความมั่นคง หากจะมีความผิดก็เพียงแค่ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด มีโทษปรับเท่านั้น การกระทำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ สถาปนารัฐตำรวจขึ้นมาใหม่ ไม่ต่างอะไรจากยุคพี่ชาย คือ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีการสั่งย้ายตำรวจที่ไม่เก็บป้ายต่อต้านรัฐบาล ทั้งนี้ เห็นว่าถ้ารัฐบาลยังเก็บป้ายทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจก็สุ่มเสี่ยงทำผิดข้อหาลักทรัพย์ โดยเจ้าของป้ายสามารถแจ้งข้อหาลักทรัพย์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
**ปัดย้าย ผกก. เหตุปล่อยติดป้าย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนบอกตำรวจแล้วให้แก้ไขปัญหาการชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม อย่าใช้กำลังโดยเด็ดขาด ตนได้อธิบายความตามที่ได้ฝึกปราบจลาจลมาจากระบบประเทศอังกฤษ อธิบายขั้นตอน ถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ให้สื่อให้ประชาชนเห็น พฤติกรรมม็อบเป็นอย่างไร ตำรวจดำเนินการอย่างไร และไม่ใช้อาวุธ การใช้แก๊สน้ำตาให้กลิ้ง อย่าใช้ปืนยิง
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตมีนบุรี พรรคเพื่อไทย ไปดำเนินการเรื่องป้ายแล้ว
เมื่อถามว่ากรณีการโยกย้ายผกก.สน.สำราญราษฎร์ และสน.ธรรมศาลา นั้น เป็นผลมาจากกรณีเรื่องป้ายดังกล่าวหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวครับ คงจะมีเหตุผลของทางผู้บังคับบัญชา
**ผบ.ตร.นำ“คำรณวิทย์-วรพงษ์”รับม็อบแดง
เมื่อเวลา 12.00 น. วานนี้ (6 มิ.ย.) ที่บริเวณหน้ารัฐสภา กลุ่มมวลชนเสื้อแดงที่ทำหน้าที่เป็นการ์ด นปช. ได้ทยอยเดินทางมาปักหลักชุมนุมอยู่ที่หน้ารัฐสภา
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 ทำหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง และพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ได้เดินทางมาดูพื้นที่และมีการหารือ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความเรียบร้อย และดูเรื่องการจราจร และไม่เชื่อว่าจะมีการปะทะกัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซักซ้อมขั้นตอนแผนป้องกันการเผชิญเหตุตลอด
ด้านพล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ไปว่าให้ป้องกันเหตุ ไม่ให้ปะทะ ยืนยันว่าเราจะดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีอะไรแตกต่าง