“เป็ดเหลิม” เป็นคนบงการปราบม็อบ ต่อรอง “นายใหญ่” เปลี่ยนตัว ผบ.ตร. แฉสายสัมพันธ์ “เฉลิม-คำรณวิทย์” แน่นปึ้ก จับขั้วดัน “ภานุพงศ์” ขึ้นเบอร์ 1 สตช.รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ
จากการที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งย้ายด่วนเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.55 ให้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ไปช่วยราชการที่สำรักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นเวลา 30 วัน เนื่องจากไม่สามารถจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมคัดค้านการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่หน้ารัฐสภาได้ และมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร1รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 (รรท.ผบช.ภ.1) มารักษาราชการ ผบช.น.แทนนั้น การสั่งย้ายด่วนครั้งนี้ทำให้คาดว่า รัฐบาลอาจมีคำสั่งให้สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หากมีการออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติอีก เพราะ พล.ต.ต.คํารณวิทย์ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจสายเหยี่ยว ถนัดในแนวทุบตีอุ้มหายจนเป็นที่เลื่องลือในวงการตำรวจยุคนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ช่วงที่ผ่านมาจะมีการประเมินไปในทิศทางเดียวกันว่า การโยกย้าย พล.ต.ท.วินัยออกจากตำแหน่งชั่วคราวในครั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ พล.ต.ท.วินัยซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ ต้องถูกดำเนินคดีภายหลัง หากมีการสลายการชุมนุม แต่เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าในความเป็นจริงการที่ พล.ต.ท.วินัยถูกโยกย้าย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจอย่างมากที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งในการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่หน้ารัฐสภา เพื่อเปิดทางให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าไปร่วมประชุมสภาแทนราษฎรได้
อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สตช. ที่ผลักดันให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ซึ่งเป็นนายตำรวจคนสนิทให้เข้ามารับงานควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมแทน จึงเป็นที่เชื่อได้ว่า เป็นแผนการที่นักโทษชายทักษิณ และเฉลิมสั่งให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์มาจัดการขั้นรุนแรงกับขบวนการมวลชนพันธมิตรฯ ที่จะออกมาต่อสู้คัดค้านการออกกฎหมายปรองดองทำลายบ้านเมือง
หากย้อนกลับไปก็จะพบว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ มีความแนบแน่นกันมาอย่างยาวนาน ถือเป็นมือทำงานที่ใกล้ชิดในระนาบเดียวกับ พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.ทั้งสอง ซึ่งถือเป็นบุคคลที่ ร.ต.อ.เฉลิมมักกล่าวชื่นชอบอยู่บ่อยครั้ง และย้อนไปไม่นานมานี้เมื่อครั้งที่ ร.ต.อ.เฉลิมถูกกล่าวหาว่าเมาสุราระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา สาเหตุก็มาจากไปเป็นประธานในงานแต่งงานของบุตรชาย พล.ต.ต.คำรณวิทย์นั่นเอง หรือก่อนหน้าที่ พล.ต.ท.วินัยจะเข้ามานั่ง ผบช.น.ก็มีชื่อ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ เป็นแคนดิเดตที่ได้รับแรงหนุนจาก ร.ต.อ.เฉลิม แต่ไม่อาจสู้อิทธิพลจากบ้านจันทร์ส่องหล้าโดยคุณหญิงพจมานได้ จึงต้องผิดหวังและไปนั่งในตำแหน่ง รรท.ผบช.ภ.1 แทน
การเข้ามาของ พล.ต.ต.คำรณวิทย์หนนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีความขัดแย้งกันมาตลอด หลังจากที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เข้ามารับตำแหน่ง เริ่มตั้งแต่การปรับโครงสร้างการทำงานภายในของ สตช.ที่สร้างความไม่พอใจให้กับ ร.ต.อ.เฉลิม จนไม่ไปร่วมงานเกี่ยวกับยาเสพติดที่ตัวเองเป็นผู้ดูแลอยู่ เพราะมีชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไปร่วมงานด้วย หรืออย่างช่วงปลายปี 2554 ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ใช้เวลากว่า 15 ชั่วโมง เพราะ ร.ต.อ.เฉลิมไม่พอใจบัญชีโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึงระดับรองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) ที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เป็นผู้เสนอ
ต่อเนื่องมาถึงช่วงโยกย้าย ตำรวจระดับรองผู้บังคับการและสารวัตร เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีกระแสข่าวว่า ผู้มีอำนาจบางคนตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่งที่ชั้น 7 ที่ทำการ สตช. ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับห้องทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม อีกทั้งยังมีกระแสข่าวว่าเหตุความขัดแย้งดังกล่าวมาจากการแบ่งขั้วอำนาจใน สตช.ชัดเจน และทั้ง 2 ขั้วดังกล่าวต่างฝ่ายต่างเรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้งโยกย้าย จนทำให้การโยกย้ายดังกล่าวต้องล่าช้าออกไป ตลอดจนไปถึงกระแสข่าวที่ ร.ต.อ.เฉลิม พยายามผลักดันให้ พล.ต.อ.ภานุพงศ์ คนใกล้ชิด ให้ขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มาโดยตลอด เพื่อสถาปนาอำนาจตัวเองใน สตช.อย่างเบ็ดเสร็จ จึงมีข่าวการเลื่อยขาเก้าอี้ออกมาเป็นระยะๆ
รายงานข่าวระบุด้วยว่า ร.ต.อ.เฉลิมหมายมั่นปั้นมือกับการให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์เข้ามารับตำแหน่งคุมงานตำรวจในนครบาลครั้งนี้อย่างมาก โดยเฉพาะการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมหรือการสลายม็อบ ที่ ร.ต.อ.เฉลิมหวังว่าจะใช้สร้างผลงานให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้เห็น รวมไปถึงเพิ่มบทบาทความสำคัญของตัวเองขึ้นมา หลังต้องขัดแย้งกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์และคุณหญิงพจมาน อีกทั้งยังเป็นช่วงที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือสมาชิกบ้านเลขที่ 111 พ้นจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง ที่หาก ร.ต.อ.เฉลิมไม่สามารถสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ได้ ก็มีโอกาสถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี หรืออย่างน้อยถูกลดบทบาทลงไปมากกว่านี้