สะเก็ดไฟ
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มารับตำแหน่งแค่ข้ามวัน ก็แสดงท่าทีขึงขังทันที เปิดฉากประชุมกับ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ 10 เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน 2555 ซึ่งเป็นวันหยุดวิสาขบูชา เตรียมวางแผนจัดการปราบปรามประชาชนที่จะออกมาทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติจากการกระทำของเหล่านักการเมืองชั่วทั้งหลาย
แม้วันพระก็ยังไม่เว้นคิดเข่นฆ่าประชาชน
พล.ต.ต.คำรณวิทย์ และพล.ต.อ.วรพงษ์ เรียกตำรวจนครบาลที่เกี่ยวข้องกับการดูแลการชุมนุมเรียกร้องทางการเมือง มาประชุมกันที่ บช.น. เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมและเตรียมความพร้อมของตำรวจที่เกี่ยวข้องในการควบคุมการชุมนุม
จากที่ก่อนหน้านี้หนึ่งวันคือ 3 มิถุนายน 2555 พล.ต.อ.วรพงษ์ และพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ก็จัดให้มีการฝึกซ้อมการควบคุมฝูงชนของกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบังคับการตำรวจอารักขาและควบคุมฝูงชน อคฝ.จำนวน 20 กองร้อย
โดยในการซ้อมเมื่อ 3 มิ.ย. 2555 ทั้ง พล.ต.อ.วรพงษ์ และ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ก็แสดงความไม่พอใจการฝึกซ้อมของตำรวจ ซึ่งรักษาการ ผบช.น.บอกว่า การแปรรูปขบวนของตำรวจพบว่าทำช้าเกินไป ไม่เข้มแข็ง
ส่วน พล.ต.อ.วรพงษ์ อดีต ผบช.น.ที่เคยปล่อยให้เสื้อแดงป่วนกรุงเทพมหานครมาแล้วโดยเฉพาะการยอมให้แท็กซี่เสื้อแดงไม่กี่คันไปปิดถนนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาแล้วเมื่อช่วงเมษายน 2552
ซึ่งก็แสดงความไม่พอใจการฝึกซ้อมของตำรวจนครบาลเช่นกันโดยบอกว่า ต้องปรับวิธีการใช้แก๊สน้ำตา ห้ามใช้เครื่องยิง ต้องให้ตำรวจไปฝึกขว้างหรือกลิ้งแทน
แบบนี้ดูแล้วท่าทางตำรวจนครบาลยุค “คำรณวิทย์” ผงาดเป็นนายใหญ่ คงเน้นการปราบปรามที่โหดร้ายรุนแรงไร้มนุษยธรรมเพื่อสนองต่อความต้องการของนักโทษชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอย่างแน่แท้
ไม่ต้องหวังว่าจะเห็นการเจรจาประนีประนอม
หากได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติการเด็ดขาดเช่นการสลายการชุมนุมของประชาชนเพื่อเปิดทางเข้าประตูรัฐสภา หรือเปิดถนน พล.ต.ต.คำรณวิทย์คงปฏิบัติโดยทันที ยิ่งไม่มีมือปราบหูดำ มือประสานสิบทิศอย่าง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่โดนย้ายไปช่วยราชการชั่วคราวจนต้องพ้นจากตำแหน่งรอง ผบช.น.ชั่วคราว
น่าหวาดเสียวว่าจะมีการนองเลือดจากน้ำมือของตำรวจนครบาลยุคนี้ หลังเห็นเค้าอะไรบางอย่างกับการจัดทัพใหม่ในนครบาลเพื่อรับมือการเมืองร้อนแรงนอกรัฐสภา
เป้าหมายการทำลายล้างก็คือกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นอีกเมื่อมีข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความไม่พอใจการทำงานของ พล.ต.ท.วินัย ที่คุมสถานการณ์ไม่อยู่ ทำให้รัฐบาลโดยเฉพาะ ส.ส.เพื่อไทยเสียหน้า ในวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง ส.ส.เพื่อไทยเกินกว่าร้อยคนนั่งรถตู้จำนวนหลายสิบคันที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขนมาจาก สตช.มารับที่หน้าตึกพรรคเพื่อไทยถนนเพชรบุรี แถมวันนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ผบ.ตร.ยังลงทุนมายืนบัญชาการคอยร่วมขน ส.ส.เพื่อไทยขึ้นรถไปด้วย
แต่พอรถแล่นออกไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร ก็มีวิทยุด่วนมาบอกว่าข่าวรั่ว กลุ่มผู้ชุมนุมรู้หมดแล้วว่า ส.ส.เพื่อไทยขี้นรถตู้จะเข้ามายังรัฐสภาจึงไปปิดล้อมถนนบริเวณโดยรอบรัฐสภาไว้หมดแล้ว หากจะฝ่าไปก็ต้องสลายการชุมนุม สุ่มเสี่ยงจะเกิดการปะทะ ทำให้ขบวนรถตู้ของ ส.ส.เพื่อไทยหลายสิบคันต้องแล่นรถกลับมายังพรรค
ทำให้ ส.ส.-รัฐมนตรีรวมถึง ผบ.ตร.เสียหน้าอย่างมาก เพราะมีสื่อมวลชนจำนวนมากมาถ่ายรูปขบวนรถเพื่อไทยแล่นรถกลับเข้ารัฐสภาไม่ได้
เรื่องนี้เลย เข้าทาง “เฉลิม” จัดการบอกให้เพรียวพันธ์ต้องปรับตำแหน่งบิ๊กนครบาลทันทีในเย็นวันเดียวกันนี้ เพื่อหาคนที่เป็นสายเหยี่ยวมาคุมนครบาลชั่วคราวในภารกิจแรงๆ แบบนี้ เพรียวพันธ์ก็เลยออกคำสั่งดังกล่าว แล้วให้ พล.ต.ต.คำรณวิทย์มาทำหน้าที่แทน ตามที่เฉลิม ต้องการในฐานะประธาน ก.ตร.ด้วย
ก็ต้องดูว่า พล.ต.ต.คำรณวิทย์จะทำหน้าที่รักษาการ ผบช.น.โดยรับฟังแต่คำสั่งนักการเมืองโดยไม่สนใจว่าประชาชนเขามาชุมนุมโดยสันติ มาเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง
ถ้าหากคิดจะทำงานแบบนี้เพื่อหวังเติบใหญ่มีตำแหน่งก็อาจมีชะตากรรมเหมือนบิ๊กตำรวจหลายคนก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.ที่ยังติดคดี 7 ตุลา อยู่จนถึงทุกวันนี้