เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ยังเดาทางไม่ออกว่าในที่สุดแล้ว “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร จะเลือกเดินในเส้นทางไหนระหว่างอดใจชะลอชำเรา รธน.ออกไปชั่วคราว อย่างน้อยก็รอฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือว่าอีกทางหนึ่งจะ “หักดิบ” หน้าด้านสั่งลิ่วล้อในสภาเดินหน้าลงมติในวาระสามให้สิ้นเรื่องสิ้นราว โดยอ้างประชาธิปไตยเสียงข้างมากตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเอง ไม่สนใจใคร ก็เป็นไปได้ทั้งสองทางเท่าๆ กัน
00 โดยเฉพาะในเรื่องเดินหน้าลุย เพราะก่อนหน้านั้นในวันรำลึก 5 ปีความจริงสามเกลอวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา “เสี่ยแม้ว” ก็หันหัวเรือกลับมาหา “คนเสื้อแดง” อีกรอบ หลังจากถีบหัวส่งไปแล้วมีการขอโทษขอโพย อ้างคลื่นสัญญาณไม่ดีทำให้เข้าใจผิด ซึ่งคนเสื้อแดงก็ปรบมือตอบรับไม่มีปัญหาพร้อมที่จะไปตายแทนให้อีกรอบ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาแบบคู่ขนานกันก็คือ การล่าชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฐานมาขัดคอทำให้กระบวนการฉีกรัฐธรรมนูญต้องสะดุดกึกลง
00 แต่มองอีกมุมหนึ่งถ้าเล่นเกมแบบนี้รับรองว่า “เสี่ยงไม่เบา” เพราะการเล่นกับศาลตรงๆ ไม่ว่ามองในมุมไหนไม่มีบวกมีแต่ลบแน่นอน ในเรื่องไม่ยอมรับกติกา สะท้อนให้เห็นถึงการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย และเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่าทำไมถึงต้องรีบร้อนแก้ไข รธน.กันนัก ถ้าช้าไปอีกระยะหนึ่งจะเป็นจะตายกันหรืออย่างไร ทำไมถึงรอไม่ได้
00 ถ้าแม้วสั่งลุยต่อ รับรองว่าป่วนแน่ และฝ่ายที่ต่อต้านจะเกิดความชอบธรรมทันที การระดมมวลชนที่เป็นแนวร่วมจะเกิดขึ้นมหาศาล ประเด็นที่เคยต่อต้านในเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองจอมปลอมเป็นหลัก จะขยายมาถึงการคัดค้านแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกเหนือจากกลุ่มพันธมิตรฯที่ยืนยันหลักการไปแล้ว ที่เห็นเคลื่อนไหวอย่างเอาจริงเอาจังก็มี ปชป.ที่เริ่มออกมาเล่นนอกสภาคู่ขนานกันไป “ย้อนศร” แบบที่ทักษิณ เคยสั่งป่วน รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก่อนหน้านี้นั่นแหละ และที่น่าสนใจก็คือคราวนี้ได้รับไฟเขียวจาก “นายหัวชวน” กับ บัญญัติ บรรทัดฐาน เต็มที่เสียด้วย มีการตั้งเวทีถล่มทักษิณ และรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั่วประเทศเสียด้วย เลิกเดินทางแบบเชื่อมั่นระบบรัฐสภาเดี่ยวๆ อีกต่อไปแล้ว
00 การออกมาชี้แจงของประธานศาลรัฐธรรมนูญ วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ว่าศาลทำตามขั้นตอนมีอำนาจโดยตรงในการพิจารณาคำร้องตามมาตรา 68 และที่สำคัญคือการรับคำร้องดังกล่าวยังเป็นการ “ลดความตึงเครียด” ลดความระแวงของสังคม ในเรื่องการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การเปิดช่องให้มาชี้แจงเป็นเรื่องดี เหมือนกับเป็นการให้คำมั่นสัญญาชัดเจนว่าไม่ออกนอกลูนอกทาง ถ้าผลออกมาอีกอย่างสังคมก็ได้เห็นธาตุแท้ พร้อมทั้งเตือนให้คิดให้ดีหากยังดึงดันสั่งให้สภาเดินหน้าพิจารณาต่อ แม้ไม่ได้พูดตรงๆ แบบนี้แต่ความหมายรับรองไม่ได้ผิดเพี้ยนมากนัก เห็นแบบนี้แล้วอยากรู้ว่า แม้วจะกล้าเสี่ยงหรือไม่ ถ้าเดินหน้ารับรองว่า “ไม่เท่” แน่นอน!!