xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ปลุกมวลชนห้ามตายใจกฎหมายปรองดอง จี้ “ปู” ต้องปิดสมัยประชุมเท่านั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากเฟซบุ๊ก BLUESKY Channel
“อภิสิทธิ์” ปลุกมวลชนอย่าได้ตายใจรัฐบาลดื้อเข็นกฎหมายปรองดอง จี้ “ปู” ต้องออก พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมเท่านั้น เชื่อรัฐบาลมีแผนสร้างความรุนแรง ดูได้จากการโยกย้ายตำรวจคล้ายสมัย 7 ตุลา แถมปูดกระแสปฏิวัติอย่างผิดปกติ ย้ำประชาธิปัตย์จะก้าวเดินไปกับพี่น้องประชาชนเพื่อต่อสู้ในครั้งนี้


เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในงานปราศรัย “ผ่าความจริง หยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง” ของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวว่า ความพยายามในการที่จะผลักดันกฎหมายทำลายชาติ ล้างความผิด คืนสิทธิ์ให้คนโกงนั้น ยังเดินหน้าอย่างเต็มที่ การที่รัฐบาลต้องรีรอ ต้องเลื่อน หรือต้องถอย ไม่ใช่เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เราทำหน้าที่ต่อสู้อย่างเต็มที่ ตามบทบาทอำนาจหน้าที่ แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง

วันนี้พวกเราทุกคนต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ที่ออกไปต่อสู้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตนไม่ลังเลใจ เอ่ยชื่อได้ว่าวันนี้ต้องขอบคุณพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ต้องขอบคุณกลุ่มคนที่เรียกว่าเสื้อหลากสี ขอบคุณแฟนๆ รายการสายล่อฟ้า และอีกหลายต่อหลายกลุ่ม ซึ่งผนึกกำลังกันต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ที่กำลังเกิดขึ้น

ตนยืนยันว่าที่เราต้องมาพูดมาจาในวันนี้ มันไม่ใช่อย่างที่เขาพยายามจะสร้างเรื่อง สร้างกระแสกล่าวหากันรอบใหม่ วันนี้มีอีกรายการหนึ่งเขาจัดอยู่แถวเมืองทอง มีนักเล่านิทานอีกหลายคนพยายามจะบอก จะขู่ประชาชนว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังก่อการกบฏ ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละเขาก่อการกบฏด้วยการปาข้อบังคับใส่ประธานสภา ที่สำคัญพวกคนที่บอกว่าประชาธิปัตย์ กำลังทำการกบฎด้วยการปาข้อบังคับ ด้วยการลากเก้าอี้ประธานสภาฯ คนเหล่านี้ครับ คือคนที่ชวนคนมาเผา ชวนคนมาบอกว่าติดอาวุธ แล้วก็ให้มาล้มล้างรัฐบาล ถ้าไม่รู้จักกบฎ กลับไปส่องกระจกดู

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลสบายใจ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา เมื่อคุณมีเสียงข้างมาก คุณมีสิทธิ์บริหารประเทศ แต่เสียงข้างมากที่บริหารประเทศไม่ใช่ทำอะไรผิดกฎหมาย หรือทำลายชาติบ้านเมืองได้ และพวกตนพูดตั้งแต่ต้นว่า ถ้ามีเรื่องนิรโทษกรรม ถ้ามีเรื่องการคืนทรัพย์สิน 4 หมื่น 6 พันล้าน พวกตนจะต่อสู้ทุกวิถีทางภายใต้กฎหมาย ตนอยากให้พี่น้องดูว่าทำไมประชาชน คนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือเลือกพรรคประชาธิปัตย์ มีความชอบธรรมที่จะต่อต้านกฎหมายล้างผิดให้คนโกงฉบับนี้ เพราะได้มีการให้คำมั่นสัญญากับประชาชน ซึ่งบัดนี้กลายเป็นการโกหกคำโต

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้เปิดคลิปวิดีโอที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าจะไม่มีการทำเพื่อคนๆเดียว ในการนิรโทษกรรม แต่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาปากท้องให้แก่ประชาชน รวมถึงคลิปที่นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าจะขอคัดค้านการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ

พี่น้องเห็นหรือยังว่าฝ่ายไหนดีแต่พูด พูดจาไม่รักษาคำพูด ตนเคยเขียนจดหมายเปิดผนึกทางเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน (2554) แม่นยำขนาดไหน ตนเขียนไว้ว่า “นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับที่พี่น้องเสื้อแดง ชอบมาทวงถามความยุติธรรมเรื่องความตาย 91 ศพ ผมคิดว่า พวกท่านยกป้ายถามผิดคน พี่น้องเสื้อแดงต้องไปยกป้ายถามคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยว่า “นิรโทษกรรมจะทำอย่างไรกับ 91 ศพ” “นิรโทษกรรมข้าม 91 ศพ แลกเงิน 46,000 ล้านหรือ

เป็นไปไม่ได้ที่กฎหมายนิรโทษกรรมจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมเหตุการณ์หลังรัฐประหารมากมาย ซึ่งบทความนี้ก็เขียนต่อครับว่า คำถามของตนที่อยากให้พี่น้องเสื้อแดงได้คิด ก็คือเมื่อเขานิรโทษกรรมแล้ว ก็เท่ากับ 91 ศพจบไม่ต้องทวงถามความยุติธรรม ผมสังหรณ์ใจว่า คุณทักษิณอาจจะให้เงินครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นการเยียวยาในจำนวนที่สูง แทนที่จะค้นหาความจริง คืนความยุติธรรมให้กับร่างที่ไร้ลมหายใจเหล่านั้น ที่สำคัญคือ เงินที่จะเยียวยาคือภาษีประชาชนไม่ใช่เงินของคุณทักษิณ ที่บอกว่าจะดูแลพี่น้องเสื้อแดงอย่างดี เพราะที่ผ่านมา มีใครได้รับการดูแลบ้างนอกจากแกนนำ ขณะที่เขาคงเอาภาษีประชาชนไปเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยวงเงินสูง ๆ พร้อมกับสิ่งที่เขาจะได้รับกลับไปคือ เงินภาษีของประชาชน 4.6 หมื่นล้านบาทที่ถูกยึดทรัพย์กลับไปเป็นของตัวเอง

ถ้าพี่น้องเสื้อแดงไม่เห็นด้วยก็ต้องไปถามคุณยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยว่าจะนิรโทษกรรมเอาเงินให้ทักษิณ 46,000 ล้าน แล้วให้ลืมเรื่อง 91 ศพใช่ไหม” (อ่านเพิ่มเติมที่) http://www.facebook.com/note.php?note_id=218400991534000

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยทำเรื่องในสภาให้เป็นประเด็นใหญ่ ตนยอมรับว่าไม่อยากให้ภาพอย่างนั้นเกิดขึ้นในสภา แต่ว่าที่ทำไปทั้งหมดบอกได้เลยว่า มันเกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่บีบคั้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การประชุมสภาที่จะตัดสิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะอภิปราย จะตั้งคำถาม จะพยายามเสนอข้อคิดเห็น ท้วงติงอะไรก็ไม่ได้ แม้กระทั่งการขอให้สภา หรือประธานสภา ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มันไม่เคยเกิด จึงคิดว่าใครที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แล้วเข้าใจว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ตนคิดว่าจะมีความเข้าใจการกระทำของสมาชิกของพรรคมากขึ้น

ถ้าความเสียหายเกิดขึ้น ตนยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ประสงค์ให้เป็นการเสียหายของสภา ในสถานะสถาบัน เพราะสถาบันรัฐสภาต้องรักษาไว้ และยืนยันอีกครั้ง เรามาวันนี้ หรือเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่มีเรื่องที่จะไปเชื้อเชิญให้ใครมารัฐประหาร พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับแนวทางนั้น

แต่ว่าความเสียหายถ้าเกิดขึ้นกับภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องยอมรับ ปฏิเสธไม่ได้ เพราะเป็นการกระทำของคนของพรรค แล้วใครจะด่าตนว่าอย่างไร ก็ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าพรรคเสียภาพลักษณ์ แต่สกัดกั้นกฎหมายทำลายชาติได้ พรรคก็ต้องยอม

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนต้องมาย้ำอีกครั้ง ความจริงค่อนข้างจะสมบูรณ์ว่า ทำไมกฎหมาย 4 ฉบับนี้ เป็นกฎหมายทำลายชาติ 4 ฉบับนั้น 3 ฉบับก็เสนอโดยคนของพรรคเพื่อไทยนั่นเอง

1. ฉบับแรกที่เสนอ เสนอโดย พล.อ.สนธิ ร่างนี้ถือว่าเป็นฉบับ “บังหน้า” เอาคำว่า “ปรองดอง” มาบังหน้าการล้างผิด เอา “บิ๊กบัง” มาบังหน้าพรรคเพื่อไทย เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร เดี๋ยวอธิบาย แต่ว่าฉบับ “บังหน้า” นั้นมันไม่แนบเนียน เสนอมาแล้ว มีสมาชิกที่ลงชื่อเสนออยู่พรรคชาติไทยพัฒนา ประทานโทษเอ่ยนามท่าน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ให้สัมภาษณ์มาจากเมืองนอกว่า เซ็นชื่อนั้น ไม่ได้เซ็นให้มาเสนอกฎหมายแบบนี้ เพราะฉะนั้นปัญหานี้จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปว่า การเสนอกฎหมายฉบับนี้มันถูกต้องหรือไม่

นั่นจึงคือที่มาของฉบับที่ 2 ที่ต้องเขียนขึ้นมาโดยสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีนายสามารถ แก้วมีชัย เป็นคนเซ็นชื่อคนแรก ปรากฏว่าฉบับนี้กับฉบับ “บังหน้า” เนื้อหาเหมือนกันคำต่อคำ ฉบับนี้ก็คือ “ฉบับสำรอง” คือกลัวว่าถ้าฉบับแรกมีปัญหาก็เอาบอกว่าใช้ฉบับนี้แทน

ส่วนฉบับที่ 3 เสนอโดยคุณนิยม วรปัญญา คุณนิยมนั้นก็เป็น ส.ส.อาวุโส ท่านเสนอกระทู้ ญัตติทุกเรื่อง ใครเสนอ เสนอด้วย ฉบับนี้ชื่อว่าฉบับ “ร่วมด้วยช่วยเสนอ” เนื้อหาสาระก็ อ่านแล้วก็ค่อนข้างสับสนแต่ไปแนวเดียวกัน

ส่วนฉบับสุดท้าย ไปเรียกเขาไอ้ เขาเป็นรัฐมนตรี เสนอโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฉบับนี้เดี๋ยวตนอธิบาย ชื่อว่า “ฉบับแก้เกี้ยว รับใช้นาย” 4 ฉบับ เนื้อหาเป็นอย่างไร

การกระทำที่ว่านั้น เขาบอกว่า เป็นการกระทำทั้งหลายของบุคคลที่เกิดจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ก็คือชุมนุม หรือทำอะไรก็ตามที่อ้างว่าเป็นการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่ห้ามการชุมนุม อันนี้ไม่ยากครับ คือเวลาที่มีเหตุวุ่นวายแล้วรัฐบาลจะยุคใดก็ตาม ประกาศภาวะฉุกเฉิน ก็จะมีการประกาศกฎหมายห้ามชุมนุม เช่นห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ตรงนี้ก็บอกว่า เหตุการณ์การชุมนุมที่มีคนออกมาเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสนหรือกี่คนก็แล้วแต่ เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว สงบลงแล้ว ก็บอกว่าไม่ถือเป็นความผิด ผมก็เรียนครับว่า อันนี้เบาที่สุดเลยครับ สำหรับกฎหมายนี้ เบาก็ในความหมายที่ว่าอะไรครับ ผมเข้าใจ เวลาเกิดเหตุการณ์วุ่นวายแล้วมันผ่านไปนั้น จะไปไล่ดำเนินคดีกับคนชุมนุมทุกคน มันไม่เกิดประโยชน์หรอก เพราะฉะนั้นตรงนี้เบาที่สุด แต่ว่าหลังจากนั้นมันไม่หยุดแค่นั้น ในอดีตนั้นเวลาเขานิรโทษกรรม เขาก็จะหยุดอยู่ประมาณนี้ครับ ว่ามาชุมนุมแล้วก็ถ้ามันชุลมุนนิดหน่อยเป็นเหตุผลสืบเนื่องเช่นไปชุมนุมแล้วปรากฎว่ามีการยื้อยุดกับเจ้าหน้าที่บาดเจ็บกันเล็กน้อย ก็ยกโทษกันไป

แต่มันต่อด้วยว่า ไม่ใช่แค่การชุมนุมทางการเมือง การกล่าววาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีใด เพื่อเรียกร้องให้มีการต่อต้านรัฐ ต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการประท้วงด้วยวิธีใด ๆ รวมหมดเลย ไอ้ที่ทำแสดง ทั้งบนเวที ทั้งคู่ขนานที่ไปก่อเหตุตามที่ต่าง ๆ มันก็เข้าหมด อย่างบอกด้วยวาจาโฆษณาด้วยวิธีใด กุเรื่องโกหก กล่าวร้ายใคร แม้แต่หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ถ้ามันอ้างว่าทำไปเพื่อเรียกร้องให้มีการต่อต้านรัฐ ต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่รัฐ ก็กลายเป็นว่า ไม่ต้องรับผิด ยอมได้มั๊ยอย่างนี้

ตนไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องไปบอกว่าการกระทำทั้งหลายที่เลวร้ายเหล่านี้ทุกประการ ไม่ต้องรับผิด ทั้ง ๆ ที่ในบางกรณีกระทบเทือนกับจิตใจของคนทั้งประเทศ และในวรรคต่อไปที่เขียนว่า การประท้วงด้วยวิธีใด ๆ นี่เป็นครั้งแรกครับที่เราไม่เคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ คือถ้าชุมนุมทางการเมืองบอกเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญบอกว่าการชุมนุมนั้นต้องเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่ถ้าใช้ว่าประท้วงด้วยวิธีใด ๆ ยิง M79 ก็ได้ ยิง RPG ก็ได้ เผาศาลากลางก็ได้ เผาศูนย์การค้าก็ได้ ฆ่าคนก็ได้ แล้วเราจะมีรัฐธรรมนูญ มีกติกาไว้ในบ้านเมืองไว้ทำไม

แล้วพี่น้องอย่าลืม ที่ปราบปรามประชาชนนั้นมันไม่ใช่มีเฉพาะปี 52 – 53 วามจริง 52 ไม่มีการล้อมปราบ 53 ไม่มีการล้อมปราบ แต่ที่ล้อมปราบ 7 ตุลา 51 นั่นแหละ ชี้มูล มีความผิดแล้ว ก็ได้นิรโทษกรรมไปด้วย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การกระทำของคุณรังสิมา (รอดรัศมี) ไม่มีอะไรโกรธเคืองเป็นการส่วนตัวกับเก้าอี้ของประธานสภาฯ แต่ว่าก็ทำไปเพราะเป็นการแสดงออกทางการเมืองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงถามว่า พวกคุณมีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไร บอกให้ขอโทษ ให้นายอภิสิทธิ์ลาออก พวกคุณทำถึงขั้น เผาบ้าน เผาเมือง ก่อการร้าย จลาจล ไม่มีคำขอโทษสักคำ แล้ววันนี้ยอมรับด้วยว่าผิดกฎหมาย แล้วยังหน้าไม่อายมาเสนอนิรโทษกรรมพวกตัวเอง

กฎหมายมาตรา 3 มาตรา 4 จึงอันตรายอย่างที่ว่า ก็เลยต้องอธิบายนิดครับ ไอ้ตอนที่จะมานิรโทษกรรมคนปราบปรามนั้น ที่ผมบอกไงครับว่า เขาถือว่าเขาเยียวยา เอาเงินภาษีอากรไปจ่ายคนเสื้อแดงแล้วก็มาขอให้ลืม ไอ้ตรงนี้ที่นายณัฐวุฒิจึงต้องแก้เกี้ยว

แก้เกี้ยวก็คือเสนอว่า เฉพาะคดีก่อการร้าย กับคดีต่อร่างกายไม่นิรโทษกรรม แต่ว่าขนาดแก้เกี้ยวแล้วนะ ที่อย่างไรก็มั่นคงคือถวายให้นายใหญ่ ก็คือมาตราต่อไป ก็เอาแบบเดียวกับ “บังหน้า” เอาแบบเดียวกับฉบับสำรองของพรรคเพื่อไทย

วันนี้โฟนอินเข้ามาที่แถวเมืองทอง โอดครวญว่า ไอ้ที่เขายึดไปนั้นเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนเข้ามาเล่นการเมือง ตนไปดูในคำพิพากษา ทรัพย์สินตอนที่แสดงปี 44 นั้น มันไม่มากเท่ากับที่ยึดไป มันจะเป็นมาก่อนได้อย่างไร

เพราะฉะนั้นเวลานี้มันเป็นเพียงเรื่องการสร้างกระแส การสร้างวาทกรรมให้คนเข้าใจว่าถูกกลั่นแกล้ง มีกระบวนการที่ไม่ชอบ แล้วก็จะให้ตรงนี้ล้มลงไป แล้วที่จริงไม่ใช่เฉพาะพ.ต.ท.ทักษิณ บริวารหลายคน ถูกคดีอยู่ คดีโครงการบ้านเอื้ออาทร และมูลค่าของคดีเหล่านี้ถ้ารวมกันทั้งหมด ไม่ใช่ 4 หมื่น 6 พันล้าน แต่เป็นหลักแสนล้าน

แล้วที่นายกฯ ถึงพยายามไม่รู้เรื่อง พรบ. ปรองดอง คือพอเรื่องนี้ไปกระทบกับคดีโกงทั้งหมด และความจริงไม่ใช่เฉพาะคดีโกงนะครับ คดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมถ้ามีการปรับ พอไปบอกว่าให้ลบล้างคำพิพากษาเนี่ย คนที่เสียค่าปรับก็จะมาเอาค่าปรับคืน คนที่ถูกยึดทรัพย์ก็จะมาเอาทรัพย์สินคืน แล้วมันไม่เป็นกฎหมายการเงินอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำไมนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่อยากเกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้ ถ้าจำได้ 4 หมื่น 6 พันล้าน ที่ถูกยึดในคดีร่ำรวยผิดปกติ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปเบิกความต่อศาลว่า เงินตรงนั้นส่วนหนึ่งไม่ใช่ของพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ 900 ล้านบาท โดยประมาณ ก็แปลว่า ถ้าคืน 4 หมื่น 6 พันล้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้คืน 900 ล้าน ถึงจำเป็นต้องบอกตลอดเวลาว่า ยังไม่เห็น ยังไม่ได้อ่าน และก็ไม่คืนเงิน

พี่น้องเข้าใจหรือยังกระบวนการที่เป็นการฉ้อฉลทั้งหมดมันจึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งสิ้น เป็นกลไกที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเมือง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ยอมให้การเดินหน้าในเรื่องเหล่านี้ประสบความสำเร็จ เมื่อวานศาลรัฐธรรมนูญได้ออกคำสั่งให้ระงับการพิจารณาการแรกรัฐธรรมนูญไว้ก่อน หลายคนที่นี่ชอบ หลายคนก็อาจจะไม่ชอบ แต่ถามว่าระงับไว้ก่อนนี่ มันสร้างความเดือดร้อนมั๊ย กระทบปากท้องพี่น้องประชาชนมั๊ย ตนเห็นเดือดร้อน คลั่งอยู่คนเดียว ก็คืออยู่ที่ดูไบ

โฟนอินมาด่าว่าศาลรัฐธรรมนูญรุนแรง กล่าวหาถึงขั้นบอกจะปล้นอำนาจ ไม่ใช่หรอก โชคดีเงื่อนไขความขัดแย้งตรงนั้นถูกพักไว้ก่อน แต่เรื่องกฎหมาย 4 ฉบับ ตนต้องบอกอย่างที่ท่านประธานวิปฝ่ายค้าน นายจุรินทร์บอก “อย่าตายใจ” ที่บอกว่าเลื่อนการประชุม ก็แจ้งมาทาง SMS ตนบอกได้เลยว่า เวลานัดประชุมมันก็ SMS แล้วอาจจะให้เวลา ครึ่งวันก็ได้ เพื่อที่จะไปประชุม

"ยังยืนยัน ถ้ารัฐบาลจริงใจ บอกอยากจะหยุดเรื่องนี้ อยากจะทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ต้องเสนอพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภา เดี๋ยวนี้ แล้วรอถึงสิงหาคม เปิดสภามา พวกตนก็จะได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถ้ายังไม่ปิดสมัยประชุม พี่น้องอย่าตายใจ แผนเขาเยอะ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามา เมื่อคืนก็เข้ามาเยอะ แล้วก็การโยกย้ายตำรวจบางคนก็ส่งสัญญาณคล้าย ๆ ตอนย้ายตำรวจในช่วงม็อบพันธมิตร เมื่อปี 51 และยังมีแผนอื่น ๆ อีกมากมาย นายจตุพร ก็จะระดมคนเสื้อแดง ก็เข้าใจ ตอนนี้ตกงาน ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็กลับไปทำอาชีพเก่า เล่านิทาน แล้วก็ปลุกระดม ซึ่งเราก็ไม่รู้จะระดมมาที่ไหนอย่างไร หรือจะมาคอยคุ้มครองเพื่อให้มีการประชุมสภาในเรื่องนี้ได้ ตนถึงบอกกับพี่น้องว่าเราตายใจไม่ได้ และต้องเรียกร้อง ยืนยันว่ารัฐบาลควรปิดสมัยประชุมอย่างเดียว อีกทั้งการสร้างกระแสของแกนนำเสื้อแดงมันผิดปกติ อ้างว่าจะปฏิวัติ แล้วจะเป็นการปฏิวัติที่มีรูปแบบใหม่ด้วย นายจตุพรบอกจะมีการอุ้มนายกฯ หายไป ตนไม่เชื่อ เพราะผ่านมา 1 ปีนี่ นายกฯ หายไปหนเดียว คือ ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ ไม่เกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารแน่นอน แต่การกุข่าวอย่างนี้พี่น้องอย่าตายใจ มันเหมือนกับว่า อยากจะสร้างเงื่อนไขเกิดความรุนแรง เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างผลสุดท้ายเป้าหมายเขาอยู่ที่เดิม ล้างผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ความเลวร้ายจากการรัฐประหารที่เคยเกิดขึ้นหลายยุคหลายสมัย ฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มรัฐบาล แต่ไม่เคยมีการคิดจะล้มล้างอำนาจตุลาการ แต่กฎหมาย 4 ฉบับที่เราพูดถึงอยู่นี้ เขาบอกไม่ใช่รัฐประหาร นักเขียนคนหนึ่งเขาใช้คำว่า “เป็นการประหารรัฐ” เสมือนหนึ่งบ้านเมืองไม่มีขื่อ มีแป บ้านเมืองไม่มีกฎหมาย บ้านเมืองขึ้นอยู่กับอำเภอใจของคนมีอำนาจ และถ้าเรามีบ้านเมืองอย่างนี้ อนาคตของประเทศ อนาคตของลูกหลาน มืดมน

ตนจึงต้องย้ำกับพี่น้องว่า การต่อสู้ของพี่น้องทุกคนในวันนี้ เป็นการต่อสู้ที่มีความสำคัญ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ของพวกเราเองเลย ไม่มีเรื่องไปแย่งชิงอำนาจเลย เราขอเพียงแค่ว่าคนมีอำนาจอย่าลุแก่อำนาจ ทำลายชาติบ้านเมือง และอนาคต

วันนี้จึงเป็นเพียงช่วงเริ่มต้นเท่านั้นของการต่อสู้ พวกเราทุกคนต้องเหนื่อยอีกมาก ตนก็เป็นอีก 1 คน ที่ขอให้กำลังใจพี่น้องผู้กล้าทุกคน ที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง

และยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะก้าวเดินไปกับพี่น้องในการต่อต้านกฎหมายทำลายชาติ 4 ฉบับนี้ ยืนยันคำเดิม ไม่นิรโทษกรรม คนจงใจทำผิดทางอาญา ไม่คืนทรัพย์สินให้ทักษิณ 4 หมื่น 6 พันล้าน ถ้าพี่น้องสู้ ประชาธิปัตย์จะสู้กับพี่น้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น