“ก่อแก้ว” เผย “นปช.-แก๊งแดง” ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้นในการเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภา เพราะเชื่อว่าพันธมิตรฯ มาแน่ แต่มี ส.ส.บางคนดันทุรังอยากให้ปิดเกมเร็ว ยันสาวกแดงไม่หลงกลประจันหน้าพันธมิตรฯ เปิดช่องปฏิวัติ ด้าน “เหวง” ทำปากกล้า ท้าทหารรีบรัฐประหาร จะได้จบไว้ๆ เืชื่อสมุนแดงไม่ยอมแน่ “จิรายุ” โชว์เฝือกที่คอ พร้อมใบรับรองแพทย์ ถูก “น้องเทพเทือก” บีบคอ แจ้นแจ้งความเอาผิด
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กลุ่มคนเสื้อแดงคาดการณ์ไว้แล้ว ยืนยันว่าเสื้อแดงจะไม่หลงกลออกมาประจันหน้ากับพันธมิตรฯ แต่อาจจะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยในเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ของตัวเองแต่จะไม่มาสร้างปัญหาให้ประเทศ เพราะเรารู้ดีว่าแผนของเขาคือทำทุกอย่างที่ต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
“ความจริงกลุ่ม นปช.และเสื้อแดงก็ไม่เห็นด้วยที่มีการเสนอพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองในขณะนี้ เพราะเราประเมินแล้วว่ากลุ่มพันธมิตรฯ มาแน่ แต่มี ส.ส.บางคนอยากให้พิจารณาเลย โดยบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ผมก็ไม่อยากพูดว่าเราประเมินผิด ตอนนี้ก็คงต้องดูสถานการณ์กันวันต่อวันก็แล้วกัน”
ส่วนการดำเนินการต่อเรื่องนี้ นายก่อแก้วกล่าวว่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าแกนนำคนใดฝ่าฝืนเงื่อนไขในการประกันตัวก็ต้องมีการถอนประกัน ส่วนเสื้อแดงจะอยู่ในที่ตั้งอย่างสงบ ทั้งนี้ ในวันที่ 2 มิ.ย.ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 13.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงจะจัดงานยินดีต้อนรับนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ที่ได้รับสิทธิทางการเมือง รวมถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ได้เป็นประชาชนเต็มขั้น โดยจะมีการจัดเวทีเหมือนรายการความจริงวันนี้อีกครั้ง จากนั้นจะมีการเตะฟุตบอล และกินเลี้ยง ซึ่งหากคนเสื้อแดงคนใดที่ไม่พอใจกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็สามารถมาแสดงตัวเชิงสัญลักษณ์ในวันดังกล่าวได้ ยืนยันว่าจะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปไหน
นายก่อแก้วกล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ มีเป้าหมาย คือ 1. ขัดขวางการทำงานของสภา 2. ยั่วยุให้เกิดสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือง จนนำไปสู่การยึดอำนาจในที่สุด ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ตระหนักดีว่าลำพังกำลังของเขาที่มาชุมนุมตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.มีกำลังน้อยมาก ซึ่งกำลังแค่นี้ถ้าเทียบกับม็อบเสื้อแดงในปี 2553 เรียกว่าน้อยกว่า 100 เท่า ต่อให้ชุมนุมทั้งปีทั้งชาติก็ไม่มีวันที่จะล้มรัฐบาลได้ ฉะนั้น สิ่งที่จะทำได้ก็คือก่อสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งให้นำไปสู่การยึดอำนาจ
นายก่อแก้วยังกล่าวถึงเหตุการณ์การขว้างแฟ้มใส่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะเราเป็น ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสภา ทุกคนมีปากก็ทักท้วงกันได้อยู่แล้ว ซึ่งการแสดงดังกล่าวไม่ใช่การแสดงเชิงสัญลักษณ์ แต่มันเป็นอัปลักษณ์ อย่าลืมว่า ส.ส.ฝ่ายค้านเก่งในเรื่องฝีปากอยู่แล้ว ถ้าเขาเป็นมวยเขาต้องขออภิปรายเนื้อหาให้ประชาชนเข้าใจ แต่เมื่อไปเล่นเกมผิด พอแพ้ก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ตนขอบอกเลยว่า สักวันหนึ่งถ้าเขาแสดงพฤติกรรมอย่างนี้ เขาจะต้องควบคุมกันเองให้ได้
“ปัญหาอย่างนี้จะโทษ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรประชาธิปัตย์คนเดียวก็ไม่ได้ เพราะดูแล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ให้ท้ายลูกพรรค ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องไปแก้ที่หัว ดังนั้น ภาพลักษณ์ที่เขาสร้างมาว่าเป็นนักการเมืองที่ดี แล้วพวกผมเป็นไพร่ เมื่อพฤติกรรมเขาเป็บแบบนี้มันก็ยิ่งกว่าไพร่ของไพร่ชั้นต่ำเสียอีก”
ทางด้าน นายเหวง โตจิราการ ส.ส.สัดส่วน แกนนำ นปช.กล่าวว่า ทหารถ้าคิดว่าออกมาปฏิวัติรัฐประหารแล้วปัญหาจะจบก็ออกมาเลย เรื่องจะได้จบเสียที ทหารต้องรับรู้ว่าประชาชนเขาไม่ยอมรับวิธีการรัฐประหาร ถ้าออกมาก็จะเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย เพราะต่อไปจะไม่มีอีก ประชาชนจะไม่ยอมให้ทหารทำการปฏิวัติรัฐประหารอีก
ส่วนที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาเรียกร้องให้ทหารปฏิวัติ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ผบ.ทบ.ออกมาปรามว่าอย่ากดดันทหารนั้น นายเหวง กล่าวว่า ขณะนี้ตนและนปช.กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด “ผมไม่แน่ใจว่ามีการมีการวางแผนร่วมกันหรือไม่ ทั้งพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ และทหารผู้ใหญ่บางคน มีความพยายามจะสร้างเงื่อนไขการเมืองโดยมีม็อบพันธมิตรฯเป็นแนวหน้า มีพรรคการเมืองจากประชาธิปัตย์ หนุนหลัง ขณะที่อำนาจเผด็จการรออยู่ในที่ตั้ง เมื่อสถานการณ์สุกงอมก็จะออกมา แต่ครั้งนี้ ผมขอเตือนว่าการทำรัฐประหารจะมาอ้างว่าเป็นการทำเพื่อรักษาประชาธิปไตยไม่ได้แล้ว เขารู้กันหมดแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็ขอให้รีบทำ และประชาชนไม่ยอมรับแล้ว ประชาชนจะไม่ยอมสยบต่อปากกระบอกปืนอีกต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมขอเรียกร้องไปถึงนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น นายชวน หลายหน้าไปไหน ทำไมไม่ออกมาปรามการกระทำของลูกพรรคที่แสดงความถ่อย เถื่อน สถุน ของลูกพรรคตัวเอง”
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โชว์เฝือกที่คอ และใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย พบว่ามีกล้ามเนื้อที่บริเวณคออักเสบ จากกรณีที่ถูกนายธานี เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ บีบคอระหว่างเกิดเหตุความวุ่นวายในสภาหลังจากมีการลงมติเลื่อนญัตติร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติเสร็จสิ้นเมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค. ซึ่งแพทย์ได้กำชับกับตนว่า ไม่อยากให้หันซ้ายหันขวา เพราะกล้ามเนื้ออักเสบ มันเหมือนกับโดนสะบัด เมื่อคืนตนจึงให้ภรรยาประคบคอทั้งซ้ายและขวา
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้อยากจะบอกว่าแม้ว่าตนจะอายุน้อยกว่านายธานี แต่ก็เชื่อว่ามีสติสัมปชัญญะตามระบอบประชาธิปไตยได้เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมาก็มีคนอื่นถ่ายคลิปวิดีโอมากมาย โดยเฉพาะนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ทำไมถึงไม่ไปบีบนายชูวิทย์บ้าง จึงสงสัยว่าไปโกรธแค้นตนมาแต่ชาติปางไหน
นายจิรายุกล่าวว่า ไม่เข้าใจอารมณ์ของนายธานี คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการควบคุมอารมณ์ อีกทั้งตนก็ไม่ได้ไปปะทะคารมอะไรกับท่าน ไม่ใช่คู่กรณีเลย ทำให้วันนี้เห็นได้ชัดเจนว่า พลพรรคประชาธิปัตย์มีวิถีทางเหมือนกับขี้แพ้ชวนตี พวกตนแม้จะเป็นไพร่แต่ก็มีความเป็นผู้ดีในการปฏิบัติตน นอกจากนี้ เรื่องการเขวี้ยงแฟ้มใส่ประธานสภา อยากเรียนว่าวันนี้หากไม่ใช่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ นั่งเป็นประธานสภา ต่อให้เป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ มานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น พวกเราในพรรคเพื่อไทยก็เคารพไม่สามารถทำแบบที่ส.ส.ประชาธิปัตย์ทำได้ เพราะมันจะเกิด “ประชาธิปัตย์โมเดล” ต่อไปบ้านเมืองจะอยู่กันไม่ได้
“ในเวลา 12.00 น.วันเดียวกันนี้ (1 มิ.ย.) ผมจะเดินทางไป สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกับนายธานีในข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนทางพรรคเพื่อไทยจะแจ้งเรื่องใดบ้างก็แล้วแต่พรรค”