"ชูวิทย์" ค้านย้ายที่ประชุมสภา หวั่นไม่ปลอดภัย แต่เชื่อวันนี้คงประชุมไม่ได้ ปูดรัฐซ้อนแผนโยกถก 5 มิ.ย.ควบวาระแก้รัฐธรรมนูญด้วย จี้คุยชาวบ้านก่อน อย่ารีบทำ แนะไปเร่งแก้ของแพงก่อน พร้อมโพสต์ภาพนั่งเซ็งข้างถนน ด้าน "ปุระชัย" หน้าบาง โอดภาพพจน์สภาเสียหาย 2 วันติด ยันพรรคค้านทำชาติเสื่อมเกียรติ ย้ำลงมติไม่เห็นด้วยเมื่อวานนี้
วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่หน้ารัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ว่า ไม่เห็นด้วยที่จะมีการย้ายสถานที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพรบ.ปรองดอง เพราะสถานที่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีการออกกฎหมาย ที่อื่นๆไม่สามารถทำได้ หากมีการย้ายเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยรวมถึงตัวประธานสภาด้วย แต่จากการประเมินแล้วเชื่อว่าวันนี้ไม่สามารถดำเนินการประชุมได้ แต่ตอนนี้มีกระแสข่าวว่าจะมีการพิจารณาในวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งจะซ้อนกับวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงมองว่าเป็นแผนซ้อนแผนที่จะเดินหน้าทั้งสองเรื่องไปพร้อมๆกัน ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลควรทำความเข้ากับประชาชนก่อน ไม่ควรเร่งรีบพิจารณาพรบ.ปรองดอง หรือไม่ก็ควรพักการประชุมในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าปัญหาที่รัฐบาลควรเร่งแก้ไขควรจะเป็นปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ ได้โพสต์ภาพถ่ายของตนนั่งอยู่ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบนเว็บไซต์แฟนเพจส่วนตัวระบุใต้ภาพว่า "สภาเข้าไม่ได้ ไม่มีที่ประชุม ปิดไปก็ดีเหมือนกัน ประชุมไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้น กลับแย่ลงกว่าเดิม"
ขณะที่ เมื่อเวลา 10.00น. ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ ได้เขียนข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ภาพพจน์ของรัฐสภาไทยเสียหายอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 วัน การกระทำในการประชุมรัฐสภาต้องทำภายใต้กรอบของปัญญาและสันติวิธี ความรุนแรงไม่ว่าจากฝ่ายใด อยู่นอกขอบเขตของการเป็นรัฐสภา ซึ่งรังแต่จะทำให้รัฐสภาเสียหาย และประเทศเสื่อมเกียรติในสายตาของประชาคมโลก ซึ่งพรรครักษ์สันติคัดค้านการกระทำทุกรูปแบบที่ทำให้รัฐสภาและประเทศเสื่อมเสียเกียรติ และในการลงมติเลื่อนวาระร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ... เมื่อวันที่ 31พ.ค.55 พรรครักษ์สันติได้ลงมติ “ไม่เห็นด้วย” กับการเลื่อนวาระดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งเป็นการข้ามวาระเร่งด่วนอื่นๆ ถึง 26เรื่อง
“สถานการณ์ของประเทศชาติ เริ่มกลับมามีการเผชิญหน้ากันอีก การแก้ปัญหาจากการเผชิญหน้าต้อง ทำด้วยปัญญา ไม่ใช่อารมณ์ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว และที่สำคัญที่สุด พึงตระหนักถึงว่าเราทุกคนอยู่ภายใต้สีของธงไตรรงค์ คือ แดง ขาวและน้ำเงิน ซึ่งสีแดงหมายถึงชาติ สีขาวหมายถึงศาสนา และสีน้ำเงินหมายถึงพระมหากษัตริย์ขณะนี้” ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว