นครศรีธรรมราช - “ชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์” สอนมวยการเมือง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ก่อนประกาศตัดสายสัมพันธ์เพื่อนแล้วแจ้งความที่ สภ.ปากพนัง ฐานหมิ่นประมาทหลังถูกแฉงาบเงินจากงบตัดถนนหน้าบ้านตัวเอง ท่ามกลางกองเชียร์ และคนหน้าคล้าย “ชูวิทย์” ให้กำลังใจ สร้างสีสัน
เหตุการณ์ความยุ่งเหยิ่งพัลวันของพรรครักประเทศไทย ระหว่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคดับนายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพรรค ยังไม่จบล่าสุดนายชัยวัฒน์ ได้เดินหน้าเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช อีกคดี
โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (11 ก.พ.) นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ อายุ 51ปี ซึ่งมีที่อยู่ตามทะเบียนราษฎร์เลขที่ 135 ซอยรามคำแหง 36/1 (ศรีสุโขทัย) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.ซึ่งมีตำแหน่งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรครักประเทศไทย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ชัยยันต์ บัณฑิต พนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ในฐานความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งเป็นความผิดอาญา
โดยมูลเหตุที่นายชูวิทย์ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวหาใส่ร้าย ว่าตนได้เซ็นต์ชื่อลาออกจากสมาชิกพรรครักประเทศไทย และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกล่าวหาตนว่าได้รับผลประโยชน์จากการนำงบประมาณ 10 ล้านบาทมาตัดถนนผ่านหน้าบ้านตัวเองในเขต อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเอกสารหนังสือพิมพ์หลายฉบับเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
ส่วนบรรยากาศที่หน้า สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีประชาชนจากลุ่มน้ำปากพนังซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายชัยวัฒน์มีทั้งเครือญาติ เพื่อนบ้าน ผู้ที่รู้จักมักคุ้นกับนายชัยวัฒน์นับร้อยคนเดินทางมาให้กำลังใจที่ลานหน้า สภ.ปากพนัง จนเกือบเต็มบริเวณ ขณะเดียวกันได้มีการจัดทำแผ่นป้ายข้อความต่างๆ และการปราศรัยโจมตีนายชูวิทย์อย่างเผ็ดร้อน
หลังจากที่มีการแจ้งความตามขั้นตอนแล้ว นายชัยวัฒน์ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยขอบคุณกำลังใจที่ประชาชนมามอบให้ และประกาศเดินหน้าต่อสู้กับความไม่ถูกต้องรวมทั้งประกาศตัดขาดกับนายชูวิทย์ในทุกกรณี ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของประชาชน ขณะเดียวกันยิ่งสร้างความฮือฮาเมื่อมีชายคนหนึ่งหน้าตาละม้ายคล้ายกับนายชูวิทย์ มาให้กำลังใจนายชัยวัฒน์ด้วยยิ่งสร้างสีสันคึกคักมากยิ่งขึ้น
ภายหลังนายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงความขัดแย้งในการบริหารของพรรครักประเทศไทยเท่านั้น นายชูวิทย์อาจจะเข้าใจผิดว่าการเป็นนายทุนของพรรคการเมือง แล้วจะมาบริหารจัดการพรรคการเมืองรักประเทศไทยโดยสั่งซ้ายก็ได้สั่งขวาก็ได้มันเป็นไปไม่ได้
นายชูวิทย์ต้องเข้าใจพัฒนาการของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองไทยต้องจดทะเบียนกับ กกต.ถูกต้องตามกฎหมายจึงจะเป็นพรรคการเมือง และมันแยกจากบริษัทหรือ หจก.ซึ่งจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ มีทุนไม่ใช่ว่าจะมีอำนาจบริหารจัดการพรรคทั้งหมด
“เมื่อคุณมาบริหารพรรคการเมืองเท่ากับสมาชิกพรรคทั้งหมด ไม่ว่าสาขาพรรคหรือสมาชิกพรรคมันมีศักดิ์ศรีเท่ากัน ต้องเข้าใจด้วยความเป็นเพื่อนของผมกับชูวิทย์ตลอด 35 ปีที่ผ่านมานั้น ผมต้องโทษตัวเองเพราะผมนำพาคุณชูวิทย์มาสู่สนามการเมือง ไม่ได้สอนการเมืองในระบบประชาธิปไตยให้กับคุณชูวิทย์ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ผมโทษตัวผมเองจริงๆ ส่วนเรื่องที่กล่าวหาผมเรื่องงบประมาณผมปฏิเสธผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องผมไม่ได้เป็นคณะกรรมาธิการในการพิจารณาเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด คนที่พิจารณาเรื่องงบประมาณก็คือคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เพราะว่าได้เป็นกรรมาธิการงบประมาณ” นายชัยวัฒน์กล่าวต่อและว่า
ที่ผ่านมานายชูวิทย์เขาเข้าใจว่าการแฉ การเปิดคลิปวีดีโอ การเปิดเผยเรื่องบ่อนจะทำให้ชื่อเสียงเขาอาจโด่งดัง แต่กระแสการแฉอย่างเดียวมันไม่ทำเรื่องการเมืองได้ดี เราไม่ปฏิเสธเรื่องบ่อนถ้าเอาข้อมูลที่ถูกต้องมาพูดมาคุยกันก็เป็นสิ่งที่ดีกับประเทศชาติประชาชน ต้องดูข้อมูลของนายชูวิทย์ที่ผ่านมาเรื่องบ่อน บ่อนปิดไปแล้วก็ยังเอามาพูดอยู่เลย ตนคิดว่ามันไม่ถูก
แต่ตนยอมรับเรื่องการลาออกจากเลขาธิการพรรค วันที่ 9 มกราคม 2555 นั้น ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรคจริง แต่เรื่องการลาออกจากสมาชิกพรรคขอปฏิเสธว่าไม่มีเจตนารมย์ในการลาออกจากสมาชิกพรรคแต่อย่างใด และตนคงไม่บ้าพอ เพราะเป็นนักกฎหมายย่อมทราบดีว่าการลาออกจากสมาชิกพรรคจะทำให้สถานภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลง และวันที่นายชูวิทย์อ้างว่าตนลาออกเมื่อวันที่ 11 ม.ค.นั้น ตนก็ยังทำหน้าที่ ส.ส.อยู่เลย
“ชูวิทย์ยังไม่เข้าใจระบบพรรคการเมือง คุณเป็นหัวหน้าพรรคคุณยุบพรรคไม่ได้หรอก วันนี้ยังไม่เข้าใจ สะท้อนตัวตนของคุณชูวิทย์ว่าพรรครักประเทศไทยนั้นตัวตนของเขายังเป็นเจ้าของอยู่ มันไม่ใช่กลับไปถามสมาชิกพรรค หรือสาขาพรรคหน่อยเถอะว่า เขาอยากยุบพรรครักประเทศไทยหรือไม่ ถามคนที่เลือกตั้งเขามา 1 ล้านคะแนนที่เลือกเขามาอยากยุบพรรคประเทศไทยหรือไม่ สิ่งที่คนคาดหวังพรรคนี้คืออยากให้เข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วยนโยบายข้อเดียวคือต่อต้านการคอรัปชั่นอย่างที่หาเสียงไว้ดีกว่า ผมท้าคุณชูวิทย์เปิดคลิปฉบับเต็ม 1 ชั่วโมงไม่ใช่ตัดต่อเหลือ 4 นาทีเท่านั้นเอง และให้เปิดต่อหน้าสาธารณชนทั่วประเทศเป็นเรื่องที่น่าเปิดเผย เพราะจะได้รู้ว่า 1 ชั่วโมงเศษนั้นเราพูดอะไรกันบ้าง”
นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย กล่าวต่อว่า ตนเป็นคนลุ่มน้ำปากพนัง ตนสำนึกในหน้าที่อย่างดีว่าจะทำอะไรให้กับบ้านเกิดบ้างที่ผ่านมา ตนได้ทำหน้าที่มาโดยตลอด
“วันนี้ก็พิสูจน์กันถ้านายชูวิทย์กล่าวหาว่าผมทุจริตคอรัปชั่น ถ้าผมกลับมายังอบอุ่นอยู่ผมก็จะขอฉันทามติของประชาชนในพื้นที่ว่า ยังให้โอกาสผมทำงานในการรับใช้บ้านเมืองอีกหรือไม่ ส่วนผมตัดความสัมพันธ์กับคุณชูวิทย์ไปแล้วตั้งแต่วันที่เขาแฉคลิป ไม่มีเพื่อนคนไหนเขาทำกันอย่างนี้หรอกครับผมจบเทพศิรินทร์มาด้วยกัน โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนผู้ชายล้วน คุณชูวิทย์เข้าโรงเรียนผิดหรือเปล่า ผมไม่ได้กล่าวหาว่าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่แต่อยากถามว่าเข้าโรงเรียนชายล้วนผิดหรือเปล่า” นายชัยวัฒน์กล่าวในที่สุด