3 ส.ส.ปชป.ยื่นหนังสือขอร่วมประชุมกับประธานสภา และประธาน กมธ. 35 คณะ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ แต่ถูกปฏิเสธอ้างให้คนนอกร่วมประชุมขัดรัธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมระหว่างประธานสภาผู้แทนฯ กับประธานคณะกรรมาธิการฯ 38 คณะ เพื่อพิจารณาว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ เป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ โดยทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม. พร้อมด้วยนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง เข้ายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอรับฟังการพิจารณาว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. … ทั้ง 4 ฉบับจะเกี่ยวด้วยการเงินตามมาตรา 143 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่
ผู้สื่อข่ายงานว่า หลังจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยื่นขอรับฟังการพิจารณาด้วย ที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงกันนานกว่า 1 ชั่งโมงว่าจะต้องเป็นการประชุมลับด้วยหรือไม่ จนในที่สุดประธานได้วินิจฉัยขอให้ยึดตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับความเห็นของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจากไม่มีช่องกฎหมายที่ให้สิทธิบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมประชุมกับประธานคณะกรรมาธิการสามัญทั้ง 35 คณะได้ มิฉะนั้นจะขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ อีกทั้งอาจจะกลายเป็นตัวอย่างธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าร่วมประชุมได้ จึงอยากให้ยึดกฎข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศจึงเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เมื่อนายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โต้ตอบทันทีว่า ประธานสภาฯอย่าฟังความข้างเดียว เพราะสิ่งที่คนทั้ง 3 ต้องการเข้าร่วมประชุมนั้นก็มีเหตุผลเพื่อร่วมหารือถึงข้อกฎหมายว่าเกี่ยวกับการเงินหรือไม่ และมีเจตนาที่ดี แต่ถ้าไม่ฟังเสียงพรรคประชาธิปัตย์บ้างก็ไม่ต่างอะไรจากการทำหน้าที่ประธานในสภาฯ ใหญ่
ทำให้ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาฯ แสดงความไม่พอใจและออกตัวทันทีว่าตนเป็นกลางที่สุด และในเบื้องต้นก็ได้เสนอแล้วว่า “ให้ผู้ที่ยื่นหนังสือได้ตั้งคำถามฝากไว้ต่อที่ประชุมโดยคร่าวๆ พร้อมกับเขียนใส่กระดาษไว้ แล้วทางที่ประชุมจะช่วยนำมาพิจารณาเอง เพราะไม่ใช่การเชิญมาชี้แจงแต่อย่างใดจึงไม่สามารถให้บุคคลภายนอกอยู่ร่วมในที่ประชุมได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเล่นการเมืองอะไรกัน ถ้าวุ่นวายมากนักก็ขอให้ทุกฝ่ายที่ไม่ใช่ประธานสภาและประธานคณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะออกจากที่ประชุมทั้งหมด รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อความเป็นธรรมที่สุด” ก่อนที่ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องกรูกันออกจากห้องประชุมดังกล่าว
