ภารกิจนายกฯ เยือนออสเตรเลียโชว์เสน่ห์ปลายจวัก ยำทะเลและส้มตำ หลังเปิดงานสัปดาห์อาหาร เชื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและแสดงศักยภาพอุตสาหกรรมอาหารไทย เผยรัฐเร่งส่งเสริมนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก หวังอาหารไทยชื่อก้องติดท็อป 1 ใน 5 ต่อไป
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางมายังโรงแรมแชงกรี-ลา เพื่อเป็นประธานเปิดงานสัปดาห์อาหาร “Thailand : Kitchen to the world” โดยเมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมงานนิทรรศการ พร้อมทั้งสาธิตวิธีการทำอาหารไทย ได้แก่ ยำทะเล และส้มตำ คู่กับพ่อครัวชาวออสเตรเลีย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหารไทยด้วย จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานสัปดาห์อาหาร “Thailand : Kitchen to the world” สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาในงานนี้ คนไทยมีความภาคภูมิใจในอาหารไทยเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องรสชาติ และการตกแต่งอาหาร ทำให้อาหารไทยมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างมากทั่วโลก จากการศึกษาเมื่อหลายปีที่ผ่านมาพบว่าอาหารไทยติด 1 ใน 5 อาหารยอดนิยมในออสเตรเลีย และหวังว่าอาหารไทยจะยังคงติดอันดับและเป็นที่ชื่นชอบต่อไปและมากยิ่งขึ้น
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารหลักของโลก รายได้จากการส่งออกอาหารของไทยมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ไทยยังเป็น 1 ในผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอีกด้วย โดยที่มีออสเตรเลียเป็นลูกค้ารายสำคัญที่นำเข้าข้าวไทย มากกว่า 110,000 ตันต่อปี และไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัฑ์อาหารไปยังออสเตรเลียสูงสุดเป็นอันดับ 5 โดยมีการเติบโตประมาณร้อยละ 5-10 ต่อปี
โดยอาจกล่าวได้ว่า ไทยเป็นผู้ผลิตผลิตผลทางการเกษตรที่มีคุณภาพในราคาที่แข่งขันได้ และ ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งจะทวีความสำคัญมากขึ้น เมื่อโลกมีความท้าทายมากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ภัยธรรมชาติ ซึ่งในบางครั้งนำไปสู่การขาดแคลนอาหาร
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลได้ดำเนินโครงการ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์อาหารและเพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร โดยเป้าหมายหลักของโครงการ คือ การผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ ได้มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล โดยมีกลยุทธ์ครอบคลุมและครบวงจรทั้งด้านวัตถุดิบ การขนส่ง การผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่มและศูนย์กระจายสินค้า ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1. การขยายธุรกิจการเกษตรและอาหาร 2. การเพิ่มมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง 3. การสนับสนุนความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและระดับโลก ซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร 4. สนับสนุนการลงทุนของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายร้านอาหารไทยในต่างแดน
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ทำกิน แม่น้ำ เกษตรกร รวมทั้ง พ่อครัวและผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยรัฐบาลไทยเร่งส่งเสริมนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก (Kitchen to the World) เพื่อให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงด้านคุณภาพในระดับสากล ผ่านร้านอาหารไทยและสินค้าอาหารไทยที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทั่วโลก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ประชาสัมพันธ์และดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวแล้วในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงออสเตรเลียด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับกระทรวงพาณิชย์ ในความสำเร็จต่อการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว และร้านอาหารไทยที่ได้รับรางวัล รวมทั้งกล่าวขอบคุณโรงแรม แชงกรี-ลา (Shangri-La) ที่สนับสนุนการจัดงานสัปดาห์อาหารไทยในครั้งนี้ด้วย
หลังจากนั้น เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมภัตตาคารไทยและร้านค้าผู้นำเข้าสินค้าอาหารไทยในย่านไทยทาวน์ ถนน Campbell นครซิดนีย์ เพื่อสอบถามและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการ ก่อนออกเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติคิงส์ฟอร์ด สมิธ นครซิดนีย์เพื่อเดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร Faibairn Defence Establishment กรุงแคนเบอร์รา ในเวลา 15.55 น. และเดินทางเข้าสู่โรงแรม Hyatt Canberra ซึ่งรัฐบาลออสเตรเลียจัดให้เป็นที่พัก