นายกฯ ชิ่งไปปลูกป่า โยน “ยงยุทธ” มอบเงินเยียวยาม็อบแทน สื่อคาดแหยง ปชป.จ้องเล่น ด้าน “กิตติรัตน์” เลี่ยงตอบไร้กฎหมายรองรับ ยันมติ ครม.รอบคอบ ไม่มีเจตนาเอื้อใคร พล่ามดราม่าสุดดีใจรัฐไม่ทอดทิ้งให้ปล่อยไปตามยถากรรม วอนพวกวิจารณ์เมตตาจ่ายภาษีช่วยผู้เสียหาย
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล มีรายงานว่า หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน SML ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ได้เดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด จากนั้นในเวลา 10.00 น.นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปขึ้นเครื่องบินจากฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก กรุงเทพฯ ไปยังกองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองทัพบก ณ บ้านนาหวาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่นายกฯ ยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ถามถึงการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงทางการเมืองตามหลักมนุษยธรรมที่จะขึ้นในวันที่ 24 พ.ค.นี้ เวลา 15.30 น.ตึกสันติไมตรี โดยกล่าวแต่เพียงว่าเจอกันทุกวันเลย ไปปลูกป่าดีกว่า
อย่างไรก็ตาม เวลา 10.06 น. สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีได้ส่งข้อความแจ้งสื่อมวลชนว่า นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกการเป็นประธานพิธีมอบเงินเยียวยาแก่ผู้เสียหายจากความรุนแรงทางการเมืองตามหลักมนุษยธรรม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 15.30 น. โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานมอบเงินแทน
ขณะที่ฝ่ายค้านระบุว่า หากมีการจ่ายเงินจะยื่นเรื่องเอาผิดต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทันที เนื่องจากใช้เงินภาษีโดยไม่มีกฎหมายรองรับ
ด้าน นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทางการเมือง ที่รัฐบาลจะเริ่มจ่ายให้ในวันนี้ 522 ราย โดยทางพรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ โดยเห็นว่ารัฐบาลทำผิดเพราะเป็นการจ่ายเงินเยียวยาโดยไม่มีกฎหมายรองรับว่า ในฐานะเป็นคนหนึ่งที่ร่วมใน ครม. ตนมั่นใจว่าสิ่งที่ ครม.พิจารณาและมีมติจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้น เป็นไปด้วยความรอบคอบ และไม่มีเจตนาที่จะไปเอื้อประโยชน์ให้กับผู้เสียหายกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ผู้ใดก็ตามที่ได้รับผลกระทบและเป็นผู้ที่เสียหายจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็ควรได้รับการดูแล ชดเชยจากรัฐ ซึ่งตรงนี้มั่นใจอย่างมาก
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนในฐานะประชาชนคนไทย ตนรู้จักบางคนที่จะมารับเงินเยียวยาในวันนี้ ที่สมาชิกในครอบครัวเขาเสียชีวิตไปกับเหตุการณ์ และตนเห็นว่าชีวิตครอบครัวเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จากชีวิตครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตาอบอุ่น แต่กลับกลายเป็นว่า สมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางครอบครัวที่รู้จักท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวที่หาเงินมา ดูแลครอบครัว เพราะฉะนั้น ขออนุญาตอยู่ในวันที่มีการมอบเงินเยียวยาในวันนี้ ตนก็ดีใจกับเขาที่รัฐบาลของประเทศไม่ได้ปล่อยปละละเลยผู้ที่ได้รับการกระทบกระเทือน ไม่ปล่อยให้ดูแลตัวเองตามยถากรรม ดังนั้นตนจึงมั่นใจและดีใจกับสิ่งที่ได้ดำเนินการเกิดขึ้น และถือเป็นอำนาจของรัฐบาล
“ขอความเมตตาใครที่มองในเรื่องนี้ รัฐบาลเอาเงินภาษีไปทำอะไรต่ออะไร ขอเรียนว่าไม่ได้เอาไปทำอะไรต่ออะไร ก็ส่งให้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย และขอให้ท่านมองเรื่องนี้ด้วยความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ถ้าจะทำให้ความปรองดองในความคิดเกิดขึ้นได้ การที่จะพยายามมองอะไรให้เกิดความแตกต่าง แตกแยก ไปผลักดันให้เกิดความรู้สึกว่าปฏิบัติตรงนี้เป็นฝนตกไม่ทั่วฟ้า ขอเรียนว่าประชาชนทั้งประเทศมี 60 กว่าล้านคน ทำอะไรจะครบ 60 กว่าล้านคนคราวเดียวกันได้ จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจที่บางคนคิดไปในแนวทางนั้น คิดจนแทบไม่ทำอะไรเลย เพราะหาทางออกไม่ได้ว่าทำอะไรแล้วจะครบทั้ง 60 กว่าล้านคน” นายกิตติรัตน์กล่าว