xs
xsm
sm
md
lg

“ชัยอนันต์” ชี้ทุนครอบงำทำการเมืองไม่เสรี แนะ ปชช.พอเพียงหนีอำนาจรัฐ-ตลาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชัยอนันต์” ปาฐกถารัฐชาติสู่รัฐการตลาดอำนาจรวมศูนย์ ชี้การกระจายอำนาจไม่ได้ไปสู่ประชาสังคม กลุ่มทุนครอบงำทำการเมืองไม่เสรี ละเลยประโยชน์ส่วนรวม ระบุการเลือกตั้งปัจจุบันเหมือนการประมูล สับนักการเมืองทำแค่ชิงงบชาติเข้ากระเป๋า กับเทซื้อเสียงประชาชน ยันปัญหาประชาธิปไตยอยู่ที่โครงสร้างรัฐ ฉะตลาดสร้างอิทธิพลกำหนดนโยบายรัฐ แนะชาวบ้านพึ่งพอเพียงถีบให้ตัวเองพ้น 2 อำนาจ

วันนี้ (22 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการจัดเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “จากรัฐรวมศูนย์อำนาจ สู่การกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นและชุมชน” โดยกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ โดยนายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อเรื่อง “รัฐชาติสู่รัฐการตลาดอำนาจรวมศูนย์” กล่าวว่า ในทางรัฐศาสตร์หรือในทางสังคมเราแบ่งความสัมพันธ์เป็น 3 เส้า ได้แก่ รัฐ เอกชน และประชาสังคม รัฐในที่นี้หมายถึงระบบราชการและรัฐบาลอยู่บนสุด ถัดลงมาก็เป็นภาคเอกชนซึ่งมีตัวแทนของตลาดเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ และภาคประชาสังคม ที่มีประชาชนและชุมชน ในแต่ละสมัยความสัมพันธ์ของทั้ง 3 ส่วนก็แตกต่างกันไป ก่อให้เกิดนโยบายในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นส่วนผสมระหว่างผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่ม

นายชัยอนันต์กล่าวต่อว่า แต่ในปัจจุบันการกระจายอำนาจของรัฐ ไม่ได้กระจายสู่ประชาสังคม เพราะเอกชนหรือตลาดก้าวหน้าไปมาก ซึ่งทำให้ระบบการเมืองของวันนี้แตกต่างจากสมัยก่อน เพราะในอดีตการหาเสียง นโยบาย และการดำเนินการ ยังมีข้อพิจารณาเกี่ยวกับสาธารณประโยชน์อยู่ แต่การเมืองปัจจุบันกลับไม่เสรี และละเลยประโยชน์ส่วนรวม เพราะมีกลุ่มทุนหรือตลาดครอบงำอยู่ ทำให้ตลาดการเมืองแบบใหม่ ไม่ต่างจากตลาดของการซื้อขาย การเลือกตั้งก็เป็นการซื้อขาย

“จะว่าไปวันนี้เราไม่จำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง เพราะในความเป็นจริงการเลือกตั้งก็คือการประมูล ใครมีเงินมากก็ได้ตำแหน่งหรือพื้นที่ตรงนั้นไป การซื้อขายตำแหน่งก็มีมาก เพราะฉะนั้น เมื่ออิทธิพลของตลาดที่เข้าสู่การเมืองก็ทำให้ประชาชนมีความเคยชินกับการเมืองที่กลายเป็นลักษณะผู้ซื้อผู้ขายในที่สุด เหมือนคำที่ว่าเงินไม่มากาไม่เป็น จึงไม่แปลกว่าการซื้อเสียงในท้องถิ่นจึงมีมาก” นายชัยอนันต์ระบุ

นายชัยอนันต์กล่าวอีกว่า งบประมาณของชาติไม่ใช่ของสาธารณะอีกต่อไป แต่เป็นการแย่งชิงของนักการเมือง ที่แข่งขันกันเข้าไปควบคุมอำนาจกลไกรัฐ เพื่อนำงบประมาณมาใช้ประโยชน์มากกว่า การคอร์รัปชันจึงเกิดขึ้นอย่างมาก โดยทั่วไปเราจะพบว่าปัญหาของประชาธิปไตย ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องของพรรคการเมือง หรือคุณธรรมของนักกการเมือง แต่อยู่ที่โครงสร้างของรัฐ และโครงสร้างตลาด รัฐได้แปรสภาพจากรัฐที่รวมศูนย์อำนาจ กลายเป็นรัฐตลาด สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ นโยบายประชานิยม ที่มุ่งที่จะซื้อคะแนนเสียงจากประชาชน ซื้อขายคะแนนเสียงกลายเป็นการแลกเปลี่ยนทางการเมือง อำนาจที่ได้ไปก็นำไปทำให้ประชาชนให้สนับสนุนโดยหวังได้เสียงคืนมา นักการเมืองวันนี้พยายามทำสองอย่าง คือ มือหนึ่งแย่งชิงงบประมาณมาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว อีกมือหนึ่งก็นำงบประมาณลงไปให้ประชาชน เพื่อหวังซื้อเสียงให้ตัวเอง

นายชัยอนันต์อธิบายต่อว่า ยุคนี้ต้องยอมรับว่าตลาดมีอำนาจมากกว่ารัฐ รัฐต้องทำทุกวิถีทางที่จะรักษาตลาดไว้ โดยเฉพาะตลาดทุน ที่เป็นเครื่องบ่งชี้เสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้ฝ่ายการเมืองพยายามรักษากฎหมายสร้างมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะชักจูงให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้อิทธิพลของตลาดได้มีส่วนในการกำหนดนโยบายของรัฐหลายอย่าง เช่น นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจ เพื่อเป็นหลักประกันว่านักลงทุนเข้ามาในประเทศต้องได้รับการคุ้มครอง ต่างๆ เหล่านี้ทำให้ลักษณะดั่งเดิมของรัฐเปลี่ยนแปลงไป โดยที่ให้ความสำคัญต่อเอกชนหรือตลาดมากกว่าภาคประชาสังคม

นายชัยอนันต์กล่าวในช่วงท้ายว่า สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดเพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่า เมื่อดูความสัมพันธ์ของรัฐ ตลาด และชุมชน ในปัจจุบัน จะพบว่าตลาดเติบโตขึ้นมาก ปริมาณความสำคัญของธุรกรรมการเงินของตลาดของบรรษัทข้ามชาติต่างๆ มีมากกว่างบประมาณของรัฐหลายร้อยเท่า ตลาดขยายตัวโดยมีเครื่องมือของตัวเอง ระบบราชการและชุมชนด้อยกว่าเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้ประชาสังคมถูกประกบอยู่ตรงกลาง ระหว่างอำนาจรัฐที่รวมศูนย์และไม่เป็นกลาง กับอำนาจตลาดที่รุกรานชีวิตของประชาชนในรูปแบบของระบบทุนนิยมต่างๆ ดังนั้น ทางออกของปัญหานี้ คือ ต้องมีเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งตัวเองให้ได้ เพื่อปฏิเสธทั้งอำนาจรัฐและอำนาจตลาด

“ปัญหาของประชาธิปไตยนั้น เป็นปัญหาของอำนาจรัฐและอำนาจตลาด ที่ทั้งสองอำนาจยังไม่เสรีอย่างแท้จริง ทำให้เสรีประชาธิปไตยที่แท้จริงเหมือนในต่างประเทศยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ตราบเท่าที่ยังความพยายามเข้าไปยึดกุมอำนาจรัฐ และนำอำนาจรัฐไปออกนโยบายเพื่อส่งเสริมกลุ่มนายทุน ความเป็นอิสรเสรีของรัฐและตลาดไม่สามารถเกิดขึ้นได้แล้ว ก็จะเป็นความกดดันให้ประชาชนปลีกตัวออกจากอำนาจทั้งสอง” นายชัยอนันต์กล่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น