“เฉลิม” มั่นใจ “จตุพร” โดนฟันพ้น ส.ส.ไม่ส่งผลให้ยุบ พท. เหตุมีคุณสมบัติลง ส.ส.ครบ แต่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจึงขาดคุณสมบัติ เชียร์นั่ง รมต.เหมาะสม เชื่อก๊วนแดงชุมนุมราชประสงค์ไม่บานปลาย ยันผู้กำกับการตำรวจหัวหน้าทีมปล้นรถขนเงินหนีตั้งหลักพม่า
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากให้นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดการเป็น ส.ส.ว่า เดิมที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(ก.ก.ต.) มีมติรับรองคุณสมบัติครบถ้วน ที่จะได้รับการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ภายหลังบอกว่าทำไมได้ เพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งที่ในความเป็นจริงนายจตุพร มีเจตนาที่จะขอไปใช้สิทธิ์ แต่เนื่องจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงกลายเป็นปัญหาในข้อวินิจฉัย อย่างไรก็ตามเมื่อศาลมีมติออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของศาล และไปแก้ไขอะไรไมได้แล้ว
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเป็นรัฐมนตรีหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงเป็นคนละเรื่องกัน เป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี แต่ตนก็ได้เคยบอกชัดเจนไปแล้วว่า นายจตุพร ถือเป็นคนมีความรู้และเหมาะสม ที่จะนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนจะได้นั่งที่กระทรวงใดนั้น อันนี้เป็นดุลยพินิจของนายกฯมากกว่า
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทย หลังจากที่กรรมการบริหารพรรครับรองคุณสมบัติครบถ้วนนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ ทำไปเลย แต่โดยหลักการในขณะที่พรรคเพื่อไทย มีมติส่งนายจตุพรก็ถือว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ใครจะรู้ว่าวันที่ลงคะแนนเสียงศาลจะกลับไม่ให้ประกันตัว ดังนั้นถือว่านายจตุพรขาดเจตนาที่จะฝ่าฝืน ซึ่งในภายหลัง กกต.เองก็รับรองผลการเลือกตั้งไปแล้ว พรรคเพื่อไทยมีประเด็นที่จะโต้แย้ง หากต้องยุบพรรคก็สามารถตั้งพรรคใหม่ขึ้นมาใหม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายจตุพร พ้นสมาชิกภาพจะทำให้พรรคเพื่อไทยด้อยลงไปหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คงจะด้อยลงบ้าง เพราะนายจตุพรเป็นคนครบเครื่อง เหตุนี้ทำให้ตนเหนื่อยมากขึ้น และนายจตุพรก็ช่วยงานพรรคอย่างมาก ครบเครื่องทุกอย่าง
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุม รำลึกครบรอบ 2 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ว่า เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง โดยก่อนหน้านี้ ตนได้ไปประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อกำชับให้ระมัดระวังความรุนแรงมือที่สามที่จะเข้ามาก่อกวน เชื่อว่าการชุมนุมวันนี้เป็นการชุมนุมเชิงสัญลักษณ์และจะเลิกในเวลา 02.00น.ของวันรุ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามขอให้เข้าใจการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพราะในการชุมนุมครั้งนั้นมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นอกจากนี้ทราบว่า นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมส์ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางมาด้วย ซึ่งตนคงจะไปตามจับเหมือนที่คนบางกลุ่มพยายามเชื่อมโยงไม่ได้ เพราะไม่มีหมายจับอะไร
ร.ต.อ. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจค้นเรือนจำนครศรีธรรมราช และพบยาเสพติดซุกซ้อนอีกเป็นจำนวนมากว่า ที่ผ่านมา ไม่มีใครเอาจริงเอาจังกับเรื่องดังกล่าวนี้ พอรัฐบาลนี้เอาจริงก็ต้องเจอแน่นอน และที่สำคัญในการปฏิบัติงานก็มีเจ้าหน้าที่ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งต้องเข้าใจ อาจจะมีบางส่วนรับสินบนบ้างแต่ก็ถือว่าลดน้อยลงแล้ว
ทั้งนี้ตนได้กับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้หาเงินโดยเอานักโทษชั้นดีไปทำงานเพื่อเอาเงินนำเข้ากองกลาง เอาไปเป็นสวัสดิการ ซึ่งคาดว่าจะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีรายได้ใช้จ่าย มิเช่นนั้นก็จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าสถานการณ์ดีขึ้น
ส่วนความคืบหน้าการจับยาซูโดฯ นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหาวิธีปฏิบัติการอยู่ซึ่งรัฐบาลมาถูกทางแล้ว โดยมีการประสานไปยังประเทศเกาหลีและไต้หวัน และมีความคืบหน้าไปมาก และจะสั่งไปยังตำรวจให้ดำเนินการกับ 12โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องในการสั่งยาซูโดฯ ตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ โดยพบว่าทั้งหมดมีพฤติกรรมการสำแดงเท็จ ทั้งนี้ตนสั่งในฐานะอำนาจผอ.ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) ไม่ใช่รองนายกฯ แม้รองนายกฯจะสั่งตำรวจได้ แต่ในฐานะผอ.ศพส.ยืนยันทำความเข้าใจกระทรวงยุติธรรมแล้ว ไม่มีความขัดแย้งในการทำงานแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินทางมาชายแดนในครั้งนี้ จะได้รับข้อมูลอย่างไรในการจัดการยาเสพติดบ้าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พื้นที่แถบนี้มีน้อย ที่สำคัญคือ ภาคเหนือใน 8 จังหวัด และเริ่มสไลด์ไปภาคอีสาน อาทิ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ส่วนกัญชาอยู่ละแวกมุกดาหาร หนองคาย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามตัว พ.ต.อ.พิจิตร กรมประสิทธิ์ อดีต ผกก.สภ.ไทรงาม ผู้ต้องหาคดีปล้นรถขนเงินธนาคารกสิกรไทยว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดแจ้งว่าขณะนี้ได้หลบหนีไปประเทศพม่าแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานจะเดินทางเข้ามอบตัว เพียงแต่ตอนนี้คงอยู่ในอาการตกใจเท่านั้น