เพื่อไทยยื่น กมธ.ปปช.สภา สอบ กทม.ต่อสัญญารถไฟฟ้า ชี้ส่อขัดต่อกฎหมาย “เด็จพี่” ยันไม่ใช่ประเด็นการเมือง “จิรายุ” ซัดส่อนิติกรรมอำพราง จี้ “คุณชาย” แจง
วันนี้ (16 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นเรื่องต่อ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการทำสัญญาจ้างระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กับบริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) โดยนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า คณะทำงานพรรคเพื่อไทยเห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจเป็นการกระทำขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ในขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เหลือวาระดำรงตำแหน่งอีกเพียง 8 เดือน การลงนามในสัญญาแบบเร่งรีบอาจเข้าข่ายกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ได้ จึงขอให้คณะกรรมาธิการฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการทางกฎหมายต่อไป ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมือง แต่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ว่าฯ กทม. พยายามบิดเบือนว่าเป็นการดิสเครดิตก่อนจะมีการเลือกตั้ง
นายจิรายุกล่าวว่า กรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง แบ่งงานกันทำเป็นขั้นตอน และอาจกลายเป็นโมเดลให้ส่วนราชการอื่นทำตามต่อไป เช่น กระทรวงกลาโหมอาจตั้งบริษัทรถถังขึ้นมา หรือเป็นบริษัทคมนาคม จำกัด หรือบริษัทพัฒนาสังคม จำกัด ถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศ แล้วผู้ว่าฯ กทม.ทราบหรือว่าบ้านเมืองในอีก 17 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หรือรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทนี้ดีที่สุดในโลก เพราะอาจมีบริษัทอื่นจัดการเดินรถที่ดีกว่าก็ได้ เรื่องนี้ผลประโยชน์ไม่ได้ตกอยู่กับประชาชน แต่คนที่ใช้รถไฟฟ้าจะเห็นอยู่ทั่วไปว่ามีป้ายโฆษณาอยู่ตามสถานีต่างๆ ซึ่งมีผลประโยชนร์มหาศาล ในเมื่อฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล พวกตนก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของ กทม. และอยากให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ชี้แจงต่อประชาชนเอง ไม่ใช่ให้ลูกน้องชี้แจงแทน ไม่เช่นนั้นท่านก็ไม่ใช่เบอร์ 1 ของกทม. อย่าเอาอนาคตมาพูดในปัจจุบัน เพราะอีก 17 ปี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์อายุเกือบ 100 ปี ใครจะไปตามตรวจสอบได้
พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องการเมือง ขนาดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ ยังยื่นญัตติให้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวเอง ดังนั้นจะรวมทั้ง 2 คำร้องมาพิจารณาร่วมกัน โดยจะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา รักษาผลประโยชน์ประเทศ ส่วนข้อชี้แจงของทาง กทม.ว่ามีอำนาจตามกฎหมายสามารถดำเนินงานได้นั้น เราก็รับฟัง โดยจะเชิญผู้บริหาร กทม. บริษัทเคที บริษัทบีทีเอส เข้าชี้แจงต่อไป ส่วนจะเกี่ยวพันกับใคร พรรคใดบ้าง เราต้องดูตามหลักใหญ่ๆ ดูตามหลักฐาน และต้องดูพฤติกรรมประกอบ