อดีตเลขาธิการ ปชป.ขู่ ฟ้อง “ธาริต” ฐานละเว้นหน้าที่ปล่อย “ตู่” รอดคดีหมิ่นเบื้องสูง อนาถ ขรก.เอาใจฝ่ายการเมืองยอมร่วมทำผิด เชื่อใครเหยียบย่ำหัวใจคนไทย เหิมได้ไม่กี่น้ำ
วันนี้ (15 พ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สั่งไม่ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพว่า กรณีนี้ประชาชนจำนวนมากรวมถึงตนมีความคลางแคลงใจในพฤติกรรมเพราะพฤติกรรมที่นายจตุพรและพรรคพวกได้แสดงออกเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 54 ที่กล่าวปราศรัยบนเวทีมีพฤติกรรมชัดเจนว่าเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญา ตนไม่เข้าใจว่าดีเอสไอใช้ดุลพินิจอย่างไร ซึ่งตนอยากดำเนินคดีกับดีเอสไอ โดยตั้งข้อหาเบื้องต้นในใจว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คงต้องหาผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายพิจารณาว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถดำเนินคดีกับดีเอสอได้ มิเช่นนั้นจะมีข้าราชการที่เอาอกเอาใจรัฐบาลและฝ่ายการเมือง โดยละทิ้งหลักการของกฎหมาย
“ที่ผมพูดอย่างนี้จะบอกว่าผมกล่าวหาดีเอสไอก็ได้ และถ้าจะดำเนินคดีกับผมก็ยินดีเพื่อจะได้ต่อสู้คดีในชั้นศาลและเปิดเผยข้อเท็จจริง และรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสังเวชที่หน่วยราชการแสดงอาการเอาอกเอาใจยอมทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขัดกับความถูกต้องและความรู้สึกของประชาชน และเชื่อว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ทำการไม่ดีเช่นนี้ต้องได้รับผลกรรมกับการกระทำ” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมดีเอสไอ ระบุว่าคำปราศรัยของนายจตุพรมุ่งมาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพมากกว่าที่จะพาดพิงถึงสถาบัน นายสุเทพกล่าวว่า ไม่จริง แต่บังเอิญว่าข้อความที่เขากล่าวหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถ้านำมาพูดซ้ำก็ไม่ดี แต่นัยของความหมายและถ้อยคำที่พูดและต่อเนื่องกับที่คนอื่นได้พูดก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้นบนเวที แสดงถึงเจตนาที่ชัดเจน ซึ่งตนยังเชื่อว่าการวินิจฉัยของดีเอสไอไม่ถูกต้อง และความไม่ถูกต้องนี้จึงไม่ถือเป็นมาตรฐาน
เมื่อถามย้ำว่าดุลพินิจของดีเอสไอ และพรรคประชาธิปัตย์ต่างกันอย่างไรในวันที่พรรคเป็นรัฐบาล ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ ดูแลฝ่ายความมั่นคง นายสุเทพกล่าวว่า น่าแปลกใจเพราะดีเอสไอเคยแถลงออกรายการพิเศษ โดยมีการชี้แจงว่าหลักฐานชัดเจน ผิดกฎหมายแน่นอน เข้าใจว่ามีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน แต่วันนี้อำนาจเปลี่ยนมือ ทำให้คนเปลี่ยนสีไปด้วย ซึ่งน่าสังเวชใจ
ต่อข้อถามว่าคดีที่ค้างอยู่ในดีเอสไอจะมีบทสรุปถูกเป้าเหมือนกันหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เราต้องไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้ผ่านไปเฉยๆ ที่จะปล่อยให้อำนาจการเมืองที่ไม่ถูกต้องมาครอบงำข้าราชการ และชวนทำในสิ่งที่ชั่วร้าย เลวร้ายต่อบ้านเมือง ทำลายนิติรัฐของบ้านเมือง ตนยอมไม่ได้ ใครรู้ใครเห็นมีหลักฐานอย่างไรก็ขอให้ออกมาช่วยแสดงเหมือนกับที่ตนกำลังทำอยู่ ถ้าสามารถหาคนที่มีความรู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมาช่วยได้ก็จะดำเนินคดีกับดีเอสไอ ให้เป็นตัวอย่างให้ตกเป็นจำเลยบ้าง โดยการเคลื่อนไหวของตนไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนจะดำเนินคดีกับใครนั้นยังตอบไม่ได้เพราะกำลังหาทางอยู่
“คนที่ทำอย่างนี้กำลังเหยียบย่ำหัวใจคนไทย ฮึกเหิมไปก็ได้ไม่กี่น้ำ จะต้องมีจุดจบแน่นอน” นายสุเทพกล่าว
