“ชวนนท์” ชี้กรณีเสื้อแดงคุกคาม “ตั๊ก บงกช” ไม่ยอมรับความเห็นต่าง เรียกร้อง “เฉลิม” ตักเตือน-จับกุมพวกละเมิดสิทธิคนอื่น เตือนขยายหมู่บ้านเสื้อแดงมีแต่สร้างความแตกแยก กังขา “ธาริต” สั่งไม่ฟ้อง “จตุพร” คดีหมิ่นเบื้องสูงอ้างเทปปราศรัยถูกตัดต่อ ชี้คนทั้งประเทศเห็น สงสัยจะเหมือนคำพูด “ลมเปลี่ยนทิศ ธาริตเปลี่ยนสี” ด้าน “มัลลิกา” แนะจับตาเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ ขู่มีคลิปหัวคะแนนประกาศเสียงตามสาย ส่อขัด กม.เลือกตั้ง
วันนี้ (13 พ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงขับรถจักรยานยนต์คุกคาม ตั๊ก-บงกช คงมาลัย ดารานักแสดงที่โพสต์ข้อความไม่เห็นด้วยกับการเสียชีวิตของนายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งว่า เป็นภาพเหตุการณ์เดิมที่คนไทยมักจะเห็นกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว ก็แสดงให้เห็นว่ากลุ่มคนเสื้อแดงหรือกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลยังไม่ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง ทั้งที่สิทธิการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน กลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีสิทธิ์ไปคุกคามอย่างนี้
ทั้งนี้ ตนอยากเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแสดงบทบาทให้ชัดเจนในการตักเตือนและจับกุมผู้ที่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น ไม่เช่นนั้นคนจะมองได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิมให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง และถือว่ารัฐบาลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งขอให้แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น นพ.เหวง โตจิราการ, นางธิดา ถาวรเศรษฐ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เตือนกลุ่มคนเสื้อแดงให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของนายอำพลมาจากโรคประจำตัว ไม่ใช่เพราะมาตรา 112 จึงไม่ควรนำมาบิดเบือนสร้างเงื่อนไขแก้มาตรา 112 รวมทั้งรัฐบาล รมว.ยุติธรรม และผู้เกี่ยวข้องควรออกมาอธิบายให้กับผู้ที่สนับสนุนตัวเองให้เข้าใจว่าสิทธิที่นายอำพลควรได้รับเป็นอย่างไร และรัฐบาลได้ดูแลสิทธิเหล่านั้นอย่างไร
นอกจากนี้ ตนอยากเตือนกลุ่มคนเสื้อแดงและรัฐบาลเรื่องการขยายเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงไปภาคใต้ว่า คนภาคใต้ยอมรับความเห็นแตกต่าง แต่ไม่ยอมรับการบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะจะเป็นการสร้างความแตกแยกในพื้นที่ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ จ.ภูเก็ต ที่คนเสื้อแดงพยายามตั้งเวทีปราศรัย อาจจะทำให้เหตุการณ์รุนแรงขยายวงกว้าง จึงอยากให้รัฐบาลห้ามปรามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงทั้งสองเหตุการณ์ เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นความรุนแรงในรอบใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งไปแล้ว หากไม่หยุดความรุนแรงจะทำให้พลังเงียบหรือคนที่ทนไม่ได้หมดความอดทน จะทำให้รัฐบาลเจอมรสุมลูกใหม่ในการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลได้
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่าทราบมาก่อนแล้วว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอจะสั่งไม่ฟ้องในคดีหมิ่นสถาบันว่า ตนอยากให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาชี้แจงว่าเหตุใดนายจตุพรจึงทราบล่วงหน้าก่อนที่นายธาริตจะแถลงข่าว และอยากให้นายธาริตแถลงให้ชัด กรณีที่นายจตุพรระบุเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องเพราะเทปปราศรัยถูกตัดต่อ เพื่อให้สังคมหายสงสัย เนื่องจากในการปราศรัยของนายจตุพร คนทั้งประเทศเห็นการปราศรัยดังกล่าวมาแล้ว นายธาริตมีอำนาจจัดการกับคนเหล่านี้แต่กลับไม่ทำ เหมือนคำพูดที่ว่า ลมเปลี่ยนทิศ ธาริตเปลี่ยนสี หรือไม่
ขณะที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงไปช่วยผู้สมัครพรรคเพื่อไทยหาเสียงว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ประกาศว่าพื้นที่เขต 3 จะแพ้ไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่บ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีข้าราชการแห่ไปต้อนรับ และล่าสุดมีหลักฐานว่านายอำเภอในบางพื้นที่ประกาศให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านรับผิดชอบในการช่วยหาเสียงด้วย และมีการประกาศเสียงตามสายของกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในบางพื้นที่ ซึ่งพรรคได้รวบคลิปดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงการเชิญชวนให้ประชาชนลงคะแนนให้กับผู้สมัครคนใด
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นำกำลังลงพื้นที่เพื่อติดตามเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ซึ่งใน 3 อำเภอในเขตเลือกตั้งที่ 3 ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนห่างจากอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่น้อย แต่พื้นที่นี้เป็นเขตเมือง มีคนไทยเชื้อสายจีน และคนพื้นเมืองอาศัยอยู่ ซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ดังนั้น การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปประกาศเช่นนี้ถือว่าเป็นมือใหม่ ซึ่งอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้