ผ่าประเด็นร้อน
เชื่อว่าคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยคงเริ่มตื่นตัวกันเป็นแถว หลังจากได้เห็น “อีสานโพล” ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นเมื่อวันก่อนที่สำรวจชาวบ้านทั่วภาคอีสาน ผลปรากฏออกมาว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยสอบตกเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง และแม้ว่าในภาพรวมและเรื่องอื่นๆ จะสอบผ่านก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาจากสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ความนิยมแล้วถือว่าลดลง ถดถอยทุกเรื่อง
โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ถือเป็น “จุดขาย” ของ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ในยุคตั้งพรรคไทยรักไทยเรื่อยมา ชาวบ้านเชื่อมั่นว่า “เสกเงิน” เพิ่มขึ้นในกระเป๋า มีอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น และด้วยเครดิตดังกล่าวทำให้เขาได้รับ “สิทธิพิเศษ” เอาเปรียบคนอื่นเรื่อยมา อย่างเรื่องคดีซุกหุ้นในภาคแรกส่วนสำคัญที่สุดต้องยอมรับว่าได้รับแรงสนับสนุนออกมากดดันกระบวนการยุติธรรมจนเบี่ยงเบนไป
ประกอบกับนโยบายประชานิยม และการสร้างภาพ สร้างกระแสอย่างเป็นระบบทำให้ ทักษิณ และเครือข่าย หากินสร้างผลกำไรจาก “ธุรกิจการเมือง” เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เพราะแม้กระทั่งการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ด้วยคำพูด “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ขณะเดียวกันก็ส่ง “น้องสาว” คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ก็สามารถชนะเลือกตั้งจนถล่มทลาย เข้ามายึดอำนาจรัฐได้อย่างง่ายดาย และที่ผ่านมาคนในครอบครัวนี้สามารถสร้างนายกรัฐมนตรีได้ถึงสามคน นับตั้งแต่ทักษิณ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย แล้วมาถึงน้องสาว คือยิ่งลักษณ์ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาในเชิงของความนิยมก็ต้องบอกว่าเขาแน่มาก เพราะลักษณะที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เรียกได้ว่า ขึ้นอยู่กับทักษิณว่าจะชี้นิ้วสั่งใครก็ได้
อย่างไรก็ดี มาถึงปัจจุบันเมื่อความจริงเริ่มปรากฏ ทุกอย่างถูกประจานด้วยตัวมันเองทำให้ชาวบ้านเริ่ม “ตาสว่าง” รู้ว่า “ถูกต้มทั้งแผ่นดิน” บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางลบมากขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ “คราวซวย” ของทักษิณ เองก็ได้ ที่เห็นแก่ตัวและกินรวบมากเกินไปที่ตัดสินใจส่ง “น้องสาว” คนนี้ลงมา ทั้งที่รู้ดีกว่าใคร “ห่วยแตก” ไม่มีสติปัญญา ไม่มีความรู้ขั้นพื้นฐาน ไม่มีความรู้รอบตัว ไม่รู้อะไรเลย ดังที่แสดงให้ชาวบ้านจับได้จนเป็นที่ขบขันอยู่ตลอดเวลา และระยะหลังยังขยายออกไปยังต่างประเทศ จนฝรั่งก็ยังรับรู้ในวงกว้างเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความผิดหวังให้กับพวกเดียวกัน คนเสื้อแดงที่อุ้มชูให้ขึ้นมา นโยบายประชานิยมที่เคยโม้เอาไว้ต่างล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นาทีนี้ไม่ต้องมาพูดกันแล้วเพราะสังคมรับรู้กันดี ล่าสุดความล้มเหลวจากเรื่องราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำขายขาดทุนทำให้เกษตรกรผู้ปลุก หอมแดง กระเทียม เตรียมเคลื่อนไหวประท้วงให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพราะนอกจากขายไม่ได้ราคาแล้ว โครงการจำนำก็ยังไม่ได้รับเงิน สร้างความเดือดร้อน ต้องการใช้จ่ายช่วงเปิดเทอมและนำไปชำระหนี้เงินกู้
แต่เชื่อว่า เรื่องที่ทำให้รัฐบาล และพี่น้องชินวัตร ทั้ง ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระอักและเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ น่าจะมาจากเรื่องความล้มเหลวทางด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่อง แพงทั้งแผ่นดิน นี่แหละที่เป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาจาก “อีสานโพล” ดังกล่าวข้างต้นที่ผลออกมาให้รัฐบาล “สอบตก” นั่นก็แสดงให้เห็นว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ผลออกมา “โคตรห่วย” เพราะแม้แต่พี่น้องชาวอีสานยังเหลืออดทนไม่ไหวต้องออกมาตบหน้าหงายดังกล่าว
เรื่องของแพง ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ข้าวจำนำไม่ได้ตามราคาประกัน มันสำปะหลัง หอมกระเทียมเจ๊ง สัปปะรด ไม่มีราคาต้องออกมาปิดถนนถนนประท้วง เรื่องเหล่านี้แหละที่เขย่าคนในครอบครัวนี้ให้สะเทือน ขณะเดียวกันภาพของความกร่าง ไม่เคารพกฎหมาย ทั้งตัว ทักษิณเอง ที่ไปเชิดชู ฮุน เซน ผู้นำเขมร ได้สร้างความเจ็บปวดแก่คนไทยไม่น้อย
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมที่กลับไปกลับมาไม่มีจุดยืนก็สร้างความระส่ำระสายภายในกลุ่มเสื้อแดงด้วยกันเอง เพราะจากการที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เข้ารดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และหารือลับเป็นการส่วนตัวที่บ้านสี่เสา เมื่อช่วงสงกรานต์ ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่าคำว่าไพร่-อำมาตย์นั้นไม่มีจริง เพียงแค่ถูกยกขึ้นมาปลุกระดมหลอกชาวบ้านเพื่อให้ออกมาต่อสู้ให้ตัวเองได้มีอำนาจเท่านั้น หรือแม้แต่การแก้ปัญหาและเยียวยาผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ก็ถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง หลายคนยังเดือดร้อนมาจนถึงบัดนี้
แต่เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะพี่น้องชาวอีสาน หมดความอดทนก็น่าจะเป็นเรื่องของแพง ที่รัฐบาลพยายามไม่รับผิดชอบ โดยอ้างเรื่องปัจจัยภายนอก ภัยธรรมชาติและฤดูกาลเสียอีก โทษชาวบ้านว่า “คิดไปเอง” เหล่านี้แหละที่สร้างอารมณ์โกรธ เพราะปัญหาดังกล่าวมันสร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า และคนที่เดือดร้อนมากที่สุดก็ต้องเป็นคนยากคนจน ซึ่งเดิมก็เป็นคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ และแม้ว่าความถดถอยที่เกิดขึ้นจะยังไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลต้องอ่อนแอลงจนถึงขั้นวิกฤติ แต่เมื่อเจอกับหลายปัญหาที่รุมเร้าเข้ามาเรื่อยๆ มันก็ไม่แน่เหมือนกัน เพราะการเมืองและอารมณ์ของชาวบ้านบางครั้งก็เอาแน่ไม่ได้ สามารถพลิกผันเป็นตรงกันข้ามได้ชั่วข้ามคืน !!