“ยิ่งลักษณ์” แจงสินค้าแพงผ่านรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” โยนน้ำท่วม พลังงานสูง ต้นเหตุทำราคาพุ่ง ยันรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ เร่งหามาตรการช่วยเหลือ อ้างขณะนี้เริ่มลดแล้ว ย้ำตรึงราคาแอลพีจีถึงสิ้นปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้าวันนี้ (5 พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” พร้อมด้วย นายโอฬาร ไชยประวัติ ผู้แทนการค้าไทย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน ดำเนินรายการโดย นายธีรัตถ์ รัตนเสวี ชี้แจงเรื่องค่าครองชีพ ของแพง สินค้าราคาสูงขึ้น
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้ามีราคาแพง จากเสียงบ่นของประชาชน โดยราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นเพราะ 2 ส่วน ส่วนแรก เกิดจากผลพวงอุทกภัย ที่ทำให้มีปัญหาในการกระจายสินค้า เพราะสินค้าขาด จากโรงงานที่ต้องปิดจากน้ำท่วม ซึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา ราคาสินค้ามีแนวโน้มลดลง แต่ยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ส่วนที่ 2 คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งกระทบต่อราคาอาหาร และสินค้าพลังงาน ทำให้ราคาต่อหน่วยแพงขึ้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ราคาสินค้าเริ่มถูกลงแล้ว โดยมีสินค้าบางอย่างที่แพงขึ้น และบางอย่างที่ถูกลง
สำหรับราคาน้ำมันภาพรวม ปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาดโลก แต่น้ำมันบางรายการที่มีผู้ใช้มาก รัฐบาลได้มีการชะลอการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยเหลือ แต่ในสภาพนี้ รัฐบาลไม่สามารถฝืนกลไกไปได้นาน แม้จะพยามชะลอให้รายได้กับรายจ่ายสอดคล้องกัน แต่ช่วงนี้ประเทศกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังน้ำท่วม จึงมีผลกระทบ 2 ทางเกิดขึ้น และผู้ประกอบการต้องปรับราคา ตามต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น แต่จะพยายามตรึงราคาพลังงาน โดยเฉพาะก๊าซหุงต้ม หรือ แอลพีจี ที่จะตรึงราคาจนถึงสิ้นปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงภาพราคาอาหารตามสั่ง เทียบปี 2554 และ 2555 แสดงต้นทุน สัดส่วน ที่ระบุว่า ราคาวัตถุดิบลดลงแล้ว แต่ราคาปลายทางยังไม่ปรับลด เพราะค่าดำเนินการ ค่าเช่า ยังไม่ลดลงตาม ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ ที่จะทำให้ราคาปลายทางปรับลดตามกลไลตลาด ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการช่วยในระยะยาว เรื่องค่าแรง เงินเดือน รวมถึงรถเมล์ และรถไฟฟรี
ด้าน นายโอฬาร ไชยประวัติกล่าวว่า ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ เกิดจาก 2 ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ คือ1. เรื่องดินฟ้าอากาศ และ 2. เรื่องราคาน้ำมัน หากปัจจัยทั้ง 2 ไม่เข้าข้างมากจะทำให้เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้าไม่เข้าข้างก็ทำให้เงินเฟ้อลดลง ตรงนี้รัฐบาลต้องบริหารจัดการจากการปรับเงินเดือน และค่าจ้าง
นายโอฬาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา เหตุการณ์น้ำท่วมกับราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นปัจจัยที่คุมไม่ได้ แต่หากเงินเฟ้ออยู่ระดับ 3-4% ถือว่าเป็นระดับที่พอดี ซึ่งตรงนี้รัฐบาลต้องหาวิธีการมาบริหารในการควบคุมราคาสินค้า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน
ขณะที่ นายบุญทรงกล่าวว่า สินค้ามีทั้งขึ้นทั้งลง แต่ส่วนใหญ่มีราคาถูกลง ตั้งแต่เดือนเมษายนถูกลงกว่าปีที่แล้ว แต่อาจจะมีบางรายการที่มีสินค้าราสูง เพราะเกิดจากปัจจัยด้านดินฟ้าอาการที่เป็นอุปสรรคส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งทางกระทรวงได้ตั้งเป้าหมายที่จะบริหารเงินเฟ้อไม่ให้เกิน 3.8 เปอร์เซ็นต์ และขณะนี้อยู่ในระดับ 3 เปอร์เซ็นต์ โดยยังมีช่องทางให้เศรษฐกิจเติบโตได้อยู่ แต่ส่วนที่เป็นปัญหา คือ ด้านค่าพลังงานและ
ค่าแรงขั้นต่ำที่กดดันอยู่บ้าง แต่ภาพรวมกระทรวงยังสามารถดูแลและควบคุมได้