รายงานการเมือง
จบลงไปอย่างชื่นมื่น ระรื่นหัวใจ สำหรับเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองในวันที่ 26 เมษายน 2555 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรองนายกฯ เข้ารดน้ำดำหัวขอพรจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ดับร้อน ลดอุณหภูมิรุนแรงทางการเมืองไปได้หลายปี๊บ
จากเดิมที่คาดหมายว่าจะนำ ครม.ทั้งคณะเข้าไปรดน้ำดำหัว สุดท้ายก็เหลือเพียงรองนายกฯ ไม่กี่คนที่พบหน้ากับ “ป๋า” ได้อย่างไม่กระดากใจ
ไม่มีภาพที่หลายคนลุ้นอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือแม้แต่ เฉลิม อยู่บำรุงไม่ต้องปั้นหน้าตอแหลเข้าไปพบให้ลำบากใจกันและกัน
ภาพพินอบพิเทา นอบน้อมกราบไหว้กันชื่นมื่น ทำใครหลายคนเคลิ้ม แต่ก็มีไฮไลต์ที่ พล.อ.เปรมเปิดโอกาสให้ยิ่งลักษณ์คุยกันแบบโฟร์อายสองต่อสอง นานกว่าครึ่งชั่วโมง
คนใกล้ชิด พล.อ.เปรมยังยอมรับเลยว่า “ป๋า” ไม่เคยให้เวลาใครพูดคุยเป็นการส่วนตัวนานขนาดนี้มาก่อน
คำถามจึงปะเดปะดังตามมาว่าคุยอะไรกันตั้งนานสองนาน จะเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์บ้านเมืองเพียวๆ ล้วนๆ ตามที่มีรายงานข่าวออกมาจริงหรือ!!
หลายคนส่ายหัวบอกไม่ใช่แค่นั้นหรอก หารืองานบ้านเมืองคงไม่นานขนาดนั้น น่าจะมีเรื่องอื่นๆ เรื่องลึกลับซับซ้อน อาจมีเรื่องส่วนตัว รวมทั้งการเจรจาที่เกี่ยวพัน ถึง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังหลบหนีคดีอยู่ด้วย
“ไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมืองกับประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่แล้ว โดยการเข้าไปรดน้ำขอพรในครั้งนี้ เป็นการทำตามประเพณีของไทยในเทศกาลสงกรานต์ ที่ผู้น้อย เข้าไปขอพรผู้ใหญ่ ส่วนเรื่องที่พูดคุยกันนั้น เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดในเรื่องโครงการต่างๆ อาทิ มูลนิธิสานใจไทยสู่ใจใต้”
เสียงตอบคำถามจากยิ่งลักษณ์ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณในการหารือ ก่อนสะบัดหน้าหนีไมค์ตามฟอร์ม
30 นาทีที่หารือกันยังเป็นเรื่องที่คลุมเครือ คาใจใครต่อใครหลายฝ่าย ยิ่งลักษณ์ควรออกมาเปิดเผยให้แจ่มแจ้ง ดีกว่าปิดๆ บังๆ ปล่อยให้ใครต่อใครตีความไปไกล
เพราะส่วนใหญ่ก็จะอนุมานไปในเชิงลบทั้งนั้น ไม่ต้องอื่นไกลเสื้อแดงกันเองนี่แหละที่สงสัย ไม่สบายใจ และต้องการคำตอบจากยิ่งลักษณ์มากที่สุด
แกนนำเสื้อแดงออกมาบี้ ออกมาเค้นถามยิ่งลักษณ์ว่าไปเจรจาเรื่องการเมืองหรือไม่ มีการเกี๊ยะเซียะต่อรองกันหรือเปล่า โดยเฉพาะการออกมาแสดงความห่วงใยว่าคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับคนสั่งสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ จะเกิดการเปลี่ยนแปลง
เป็นมวยล้มต้มคนดูหรือไม่?
เพราะนั่นจะเป็นจุดพลิกผันทำให้แกนนำคนเสื้อแดงไม่รู้จะเอาหน้าไปตอบคำถามมวลชนอย่างไร รวมไปถึงคนในเครือข่ายและพรรคเพื่อไทยเอง ซ้ำร้ายจะถูกตราหน้าว่าไปผสานประโยชน์การเมือง เมื่อเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็เฉดหัวคนเสื้อแดงทิ้ง ปล่อยไว้ข้างหลัง ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครเป็นคนลงมือ ช่างมัน ลบๆ ล้างๆ ไปให้หมด
ถ้าเหตุการณ์ต่อเนื่องนับจากนี้ไป เดินเป็นไปในรูปแบบนั้น คนเสื้อแดงบางส่วนคงรับกันไม่ได้..ออกมาโวยวายแน่
แต่จะถึงขั้นตั้งตนเป็นศัตรู ตามที่ใครบางคนบอกว่าจะแยกตัวไปตั้งกลุ่ม ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ดึงมวลชนออกไป คงไม่ใช่ เพราะพรรคการเมืองเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน แยกเหล่าแยกกอไปไม่ได้ แยกไปก็ตายซาก แยกไปก็ตายเดี่ยว และคงไม่มีใครแยกไปด้วยหรอก ที่พูดกันไปก็เลอะเทอะ เอามันสร้างราคาให้ตัวเองมากกว่า..
เวลานี้คนเสื้อแดงออกอาการงอแงไม่ยอมย่อหย่อนอะไรเลย ยืนกระต่ายขาเดียวบนความต้องการตัวเอง ตึงใส่อย่างเดียว คนบริหารบ้านเมืองก็ไม่รู้จะเอาใจอย่างไร
ยิ่งลักษณ์พบป๋าเปรม ภาพที่หลายคนบอกชื่นมื่น แต่คนเสื้อแดงบอกบาดตาบาดใจ เหมือนมีดกรีดอกจะเป็นจะตายให้ได้ จิตใจมีแต่ความคั่งแค้น จะตัดหัวคั่วแห้งฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ไม่เคยลดราวาศอก...กรรมของเวร
การปิดห้องคุยคราวนี้ อย่าไปคาดหวังว่าอะไรจะหลุดออกจากปาก พล.อ.เปรม อำมาตย์ตัวพ่อเสียให้ยาก คงมีแต่ความเงียบขรึมวางฟอร์มเหมือนเช่นเคย ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดความระแวงสงสัยจากอีกฟากฝ่ายหนึ่งเช่นเดียวกัน
วันนี้ พล.อ.เปรมกำลังทำอะไรอยู่ จะไปยอมซูเอี๋ยกับเครือข่ายคนเสื้อแดง เปิดทางให้พ.ต.ท.ทักษิณนักโทษหลบหนีคดีกลับบ้านหรืออย่างไร จำต้องยอมให้อำนาจทุน อำนาจเงิน เข้ามาครอบงำปู้ยี่ปู้ยำประเทศไทยเฉกเช่นเดิมหรือไม่
หรือจำต้องยอมให้อย่างเสียไม่ได้ เพราะชั่วโมงนี้เหลียวซ้ายแลขวา ก็ไม่เห็นพลังอำนาจใดจะมาทัดทานต่อต้านขุมข่ายคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยได้เลย ในเชิงการเมืองดูแล้วพรรคประชาธิปัตย์ยังไงก็สู้พรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งไม่ได้ เลือกอีกก็แพ้อีก เชิงมวลชนคนเสื้อแดงก็แข็งแกร่งย่ามใจ พร้อมสร้างเครือข่ายเพิ่มเติมขึ้นทุกวัน..
ใครหลายคนต้องเจ็บอยู่ในใจ ที่มองเห็นภาวะที่เป็นอยู่และดำเนินไปในลักษณะนี้!
ฉากการรดน้ำดำหัว ณ บ้านสี่เสาฯ หมากเกมนี้ดูกันตามเนื้อผ้าแล้ว นักโทษหนีคดีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณถือว่าได้แต้ม รุกคืบเข้าถึงอำมาตย์ตัวพ่อ ทลายป้อมค่ายฝ่ายต่อต้านไปได้เปลาะหนึ่ง แต่มันอาจต้องแลกกับความไว้วางใจจากมวลหมู่สมาชิกคนเสื้อแดง ที่ตั้งแง่สงสัยถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ฝ่ายอำมาตย์ ฝ่ายอำนาจขั้วตรงข้าม ก็รู้สึกหวาดระแวง สงสัยว่ามีการเปิดเจรจาลับ เจรจาเรื่องแหลมคมสุ่มเสี่ยงพลิกเปลี่ยนประเทศหรือไม่ บางเรื่องที่เคยถือแต้มต่ออาจนำมาอ้างไม่ได้เต็มปากนัก ซ้ำอาจถูกเบิ้ลกลับว่าอำมาตย์ตัวพ่อเปลี่ยนท่าทีไปแล้ว
ดังนั้นหลายคนในประเทศนี้จึงสนใจใคร่รู้เนื้อหาการสนทนาระหว่าง พล.อ.เปรมกับยิ่งลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง ว่ามีลับลมคมในหรือเปล่า จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องออกมาพูดไขความกระจ่างให้สังคม ถ้าปล่อยให้ตีความกันอยู่อย่างนี้ คงยุ่งเหยิงวุ่นวาย
ต่างฝ่ายต่างหยิบมาเป็นประเด็นตีกิน เสี้ยมเขาควาย ตอกลิ่มความแตกแยกเพิ่มเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง..