ควันหลงการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 2 ยังคุกรุ่น วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหู โดยเฉพาะประเด็นที่ "นลินี ทวีสิน" อดีตผู้แทนการค้าไทย ขยับขึ้นชั้นมาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ โดยมีชนักติดหลัง ติดแบล๊กลิสต์ห้ามทำธุรกรรมการค้ากับทางสหรัฐอเมริกา
แต่เจ้าตัวบอกปัดเป็นความเข้าใจผิด พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป หลังจากได้รับความไว้วางใจจาก "ยิ่งลักษณ์" ไม่มีถอดใจลาออก ซึ่งก็หนีไม่พ้นการตั้งข้อสังเกตว่าเข้ามาเพื่อประโยชน์ใดกันแน่
จะเข้ามาเป็นตัวเชื่อมประสานเรื่องธุรกิจลับๆถึงพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริง ผู้หลบหนีคดีหรือไม่
ยิ่งได้ "มีชัย ฤชุพันธุ์" มือเก๋าด้านกฎหมายออกมาพลิกแพลงประเด็นของเรื่องทั้งหมดการันตีคุณสมบัติ พร้อมตอกหน้ากลับสหรัฐอเมริกา ยืนอยู่ฝ่ายซิมบับเวและ “นลินี”ตามสไตล์ “เนติบริกรตัวพ่อ” ยิ่งทำให้ "นลินี" ฮึกเหิมกล้ายืนท้าลมฝนบนตำแหน่งต่อไป
แม้ว่า รัฐบาลเองจะมีเสียงกดดันจากบางฝ่ายในพรรคเพื่อไทย ขอให้ "นลินี" ลาออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ เพื่อตัดตอนไม่ให้ภัยถึงตัวนายกฯ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
รัฐบาลเลือกที่จะกระเตง "นลินี" อยู่บนตำแหน่งต่อไป เพราะถือว่าตัดสินใจเลือกมาแล้ว จะกลับลำกลางคันก็เสียงเครดิต เหมือนทำผิดไปเต็มๆ เลือกที่จะยืนยันสิ่งที่ตัวเองทำลงไปว่าถูกต้องแล้วมากกว่า
แน่นอนว่า ตรงนี้จะเป็นรอยด่างดำ ให้ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายค้าน ขุดคุ้ย เขี่ยแผล อยู่เนืองๆ รวมไปถึงการตั้ง "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แกนนำคนเสื้อแดง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแรงเสียดทานที่จะตามมานั้น อยู่ในระดับสูงพอสมควร
แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะได้มีสัญญาใจกันไว้แล้วว่างวดนี้คนเสื้อแดง ต้องขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี ถ้าบิดพลิ้วมีหวังโดนเครือข่ายคนเสื้อแดง กากี่นั้งถล่มเละเทะ รัฐบาลจึงเลือกที่จะแก้ปัญหาภายในก่อน เสียงก่นด่าจากภายนอก
นอกจากนั้น การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองจำนวน 41 ตำแหน่ง ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ก็เอาใจคนเสื้อแดงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไม่ได้มีการรื้อหรือโละแกนนำคนเสื้อแดงยกแผง ผิดไปจากกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า จะมียึดคืนเก้าอี้เลขานุการและที่ปรึกษารัฐมนตรีของแกนนำคนเสื้อแดงหลายตำแหน่ง แต่ในท้ายที่สุดก็ยังปรากฏชื่อเหล่าแกนนำ นปช.อยู่ในตำแหน่งพร้อมหน้าพร้อมตา
ทั้งนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ยังเหนียวแน่นอนอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเช่นเดิม จะมีก็แต่เพียงนายอารี ไกรนราหัวหน้าการ์ด นปช. ที่เหมือนถูกลดชั้นลุกจากตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเปิดทางให้ นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิทซึ่งทำหน้าที่โดดเด่นในฐานะมือธุระจัดหาของสวยๆงามๆของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เข้ามากุมบังเหียนกระทรวงมหาดไทยแทน
ส่วนนายอารีถูกโยกไปกินตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อได้ทำงานใกล้ชิดกับนาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ที่เพิ่งได้รับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การเลือกคนเข้ามานั่งเก้าอี้ตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรมต.ก็ดี เลขาฯก็ดี หรือแม้แต่ตำแหน่งที่ปรึกษาอาจเป็นชนวนเหตุแห่งความเสื่อมทรุดของรัฐบาล กระแสนิยมอาจตกลงเร็วกว่าที่คาด
เพราะภาพที่ออกมาในการปรับครม.ยิ่งลักษณ์2 ใครก็ดูออกว่าเป็นครม.ต่างตอบแทนเสียมากกว่าปรับครม.เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ มุ่งผลการทำงาน
ดูเหมือนว่าดีกรีของความลำพอง ย่ามใจในอำนาจของรัฐบาล “ทักษิณส่วนหน้า”เริ่มเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
เห็นได้จาก จับ "สุกำพล สุวรรณทัต" ไปนั่งแยกเขี้ยวใส่กองทัพ ก็น่าสนใจว่าความขัดแย้งในสังคมไทยที่หลายคนยังเชื่อว่ามีอยู่ เพียงแต่ถูกกดทับไว้ จะกลับมาปะทุวันใด การเดินเกมของรัฐบาลจะทำให้มันคุโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้งหรือไม่
เจตนาของแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนนั้นดี ต้องการให้ทุกคนทุกฝ่ายในพรรค เดินหน้าทำงานอย่างจริงจัง ภายในขวบปีนี้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งของรัฐบาล ยึดเอากระแสมวลชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
แต่ก็ตามมีบางพวกบางฝ่ายที่คิดแต่ตักตวงประโยชน์เฉพาะหน้า ส่วนตัว และพวกพ้อง รัฐมนตรีบางคนก็มีใบสั่งรับงานมาทำเรื่องเสี่ยงๆ ดำๆ เทาๆ คิดว่าเป็นรัฐมนตรีเที่ยวเดียวก็หมดโอกาสแล้ว นี่จึงเป็นทัศนคติที่อันตราย บ่อนเซาะความมั่นคงของรัฐ
นอกจากนั้นเป้าหมายสูงสุดของใครหลายคนในพรรค รวมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องการนำพาตัวเองกลับสู่แผ่นดินบ้านเกิด จะมีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันรุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอนในปีนี้ หลังจากโยนหินชิมลางมาแล้วในปีก่อน ทั้งเรื่องการนิรโทษกรรม การล้างความผิดต่างๆ และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตั้งแท่นตั้งท่ามาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล ก็เป็นเรื่องเสี่ยงที่จะไปปีนเกลียวอำนาจฝั่งตรงข้าม
ล่าสุดข้อเสนอของคณะกรรมการชุดต่างๆที่รัฐบาลตั้งขึ้น หรือสนับสนุนให้ท้าย นับวันยิ่งดูรุนแรง ไม่สมควร อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็จะเป็นบูมเมอแรงย้อนศรมาทำร้ายรัฐบาล ตอกย้ำความไม่จงรักภักดีที่ถูกกล่าวหามาตลอด
แม้รัฐบาลอาจวางแผนให้คณะกรรมการชุดต่างๆ เหล่านี้เดินเกมโยนหินถามทางต่อสังคม ในลักษณะ สุดโต่ง เพื่อดูดซับแรงกระแทกให้พ้นจากตัวเอง แต่บางเรื่องบางอย่างมันแยกกันไม่ออก รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่มีทางตบตาสังคมได้ตลอดไป การกระทำมันฟ้องเจตนาที่เชื่อมโยงถึงกัน
ก้าวย่างที่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม จะถูกจับจ้องมากเป็นพิเศษ และหากพลาดพลั้งมาสังคมมีแต่จะรุมประณาม ยากจะให้อภัยเพราะมีเจตนาที่สกปรก!!
แต่เจ้าตัวบอกปัดเป็นความเข้าใจผิด พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป หลังจากได้รับความไว้วางใจจาก "ยิ่งลักษณ์" ไม่มีถอดใจลาออก ซึ่งก็หนีไม่พ้นการตั้งข้อสังเกตว่าเข้ามาเพื่อประโยชน์ใดกันแน่
จะเข้ามาเป็นตัวเชื่อมประสานเรื่องธุรกิจลับๆถึงพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตัวจริง ผู้หลบหนีคดีหรือไม่
ยิ่งได้ "มีชัย ฤชุพันธุ์" มือเก๋าด้านกฎหมายออกมาพลิกแพลงประเด็นของเรื่องทั้งหมดการันตีคุณสมบัติ พร้อมตอกหน้ากลับสหรัฐอเมริกา ยืนอยู่ฝ่ายซิมบับเวและ “นลินี”ตามสไตล์ “เนติบริกรตัวพ่อ” ยิ่งทำให้ "นลินี" ฮึกเหิมกล้ายืนท้าลมฝนบนตำแหน่งต่อไป
แม้ว่า รัฐบาลเองจะมีเสียงกดดันจากบางฝ่ายในพรรคเพื่อไทย ขอให้ "นลินี" ลาออกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ เพื่อตัดตอนไม่ให้ภัยถึงตัวนายกฯ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
รัฐบาลเลือกที่จะกระเตง "นลินี" อยู่บนตำแหน่งต่อไป เพราะถือว่าตัดสินใจเลือกมาแล้ว จะกลับลำกลางคันก็เสียงเครดิต เหมือนทำผิดไปเต็มๆ เลือกที่จะยืนยันสิ่งที่ตัวเองทำลงไปว่าถูกต้องแล้วมากกว่า
แน่นอนว่า ตรงนี้จะเป็นรอยด่างดำ ให้ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายค้าน ขุดคุ้ย เขี่ยแผล อยู่เนืองๆ รวมไปถึงการตั้ง "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แกนนำคนเสื้อแดง ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแรงเสียดทานที่จะตามมานั้น อยู่ในระดับสูงพอสมควร
แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะได้มีสัญญาใจกันไว้แล้วว่างวดนี้คนเสื้อแดง ต้องขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี ถ้าบิดพลิ้วมีหวังโดนเครือข่ายคนเสื้อแดง กากี่นั้งถล่มเละเทะ รัฐบาลจึงเลือกที่จะแก้ปัญหาภายในก่อน เสียงก่นด่าจากภายนอก
นอกจากนั้น การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองจำนวน 41 ตำแหน่ง ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) ก็เอาใจคนเสื้อแดงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากไม่ได้มีการรื้อหรือโละแกนนำคนเสื้อแดงยกแผง ผิดไปจากกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า จะมียึดคืนเก้าอี้เลขานุการและที่ปรึกษารัฐมนตรีของแกนนำคนเสื้อแดงหลายตำแหน่ง แต่ในท้ายที่สุดก็ยังปรากฏชื่อเหล่าแกนนำ นปช.อยู่ในตำแหน่งพร้อมหน้าพร้อมตา
ทั้งนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ที่ยังเหนียวแน่นอนอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเช่นเดิม จะมีก็แต่เพียงนายอารี ไกรนราหัวหน้าการ์ด นปช. ที่เหมือนถูกลดชั้นลุกจากตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเปิดทางให้ นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิทซึ่งทำหน้าที่โดดเด่นในฐานะมือธุระจัดหาของสวยๆงามๆของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เข้ามากุมบังเหียนกระทรวงมหาดไทยแทน
ส่วนนายอารีถูกโยกไปกินตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อได้ทำงานใกล้ชิดกับนาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ที่เพิ่งได้รับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การเลือกคนเข้ามานั่งเก้าอี้ตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งรมต.ก็ดี เลขาฯก็ดี หรือแม้แต่ตำแหน่งที่ปรึกษาอาจเป็นชนวนเหตุแห่งความเสื่อมทรุดของรัฐบาล กระแสนิยมอาจตกลงเร็วกว่าที่คาด
เพราะภาพที่ออกมาในการปรับครม.ยิ่งลักษณ์2 ใครก็ดูออกว่าเป็นครม.ต่างตอบแทนเสียมากกว่าปรับครม.เพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ มุ่งผลการทำงาน
ดูเหมือนว่าดีกรีของความลำพอง ย่ามใจในอำนาจของรัฐบาล “ทักษิณส่วนหน้า”เริ่มเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
เห็นได้จาก จับ "สุกำพล สุวรรณทัต" ไปนั่งแยกเขี้ยวใส่กองทัพ ก็น่าสนใจว่าความขัดแย้งในสังคมไทยที่หลายคนยังเชื่อว่ามีอยู่ เพียงแต่ถูกกดทับไว้ จะกลับมาปะทุวันใด การเดินเกมของรัฐบาลจะทำให้มันคุโชนขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้งหรือไม่
เจตนาของแกนนำพรรคเพื่อไทยบางคนนั้นดี ต้องการให้ทุกคนทุกฝ่ายในพรรค เดินหน้าทำงานอย่างจริงจัง ภายในขวบปีนี้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งของรัฐบาล ยึดเอากระแสมวลชนเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
แต่ก็ตามมีบางพวกบางฝ่ายที่คิดแต่ตักตวงประโยชน์เฉพาะหน้า ส่วนตัว และพวกพ้อง รัฐมนตรีบางคนก็มีใบสั่งรับงานมาทำเรื่องเสี่ยงๆ ดำๆ เทาๆ คิดว่าเป็นรัฐมนตรีเที่ยวเดียวก็หมดโอกาสแล้ว นี่จึงเป็นทัศนคติที่อันตราย บ่อนเซาะความมั่นคงของรัฐ
นอกจากนั้นเป้าหมายสูงสุดของใครหลายคนในพรรค รวมทั้งพ.ต.ท.ทักษิณที่ต้องการนำพาตัวเองกลับสู่แผ่นดินบ้านเกิด จะมีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกันรุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอนในปีนี้ หลังจากโยนหินชิมลางมาแล้วในปีก่อน ทั้งเรื่องการนิรโทษกรรม การล้างความผิดต่างๆ และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตั้งแท่นตั้งท่ามาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล ก็เป็นเรื่องเสี่ยงที่จะไปปีนเกลียวอำนาจฝั่งตรงข้าม
ล่าสุดข้อเสนอของคณะกรรมการชุดต่างๆที่รัฐบาลตั้งขึ้น หรือสนับสนุนให้ท้าย นับวันยิ่งดูรุนแรง ไม่สมควร อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็จะเป็นบูมเมอแรงย้อนศรมาทำร้ายรัฐบาล ตอกย้ำความไม่จงรักภักดีที่ถูกกล่าวหามาตลอด
แม้รัฐบาลอาจวางแผนให้คณะกรรมการชุดต่างๆ เหล่านี้เดินเกมโยนหินถามทางต่อสังคม ในลักษณะ สุดโต่ง เพื่อดูดซับแรงกระแทกให้พ้นจากตัวเอง แต่บางเรื่องบางอย่างมันแยกกันไม่ออก รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่มีทางตบตาสังคมได้ตลอดไป การกระทำมันฟ้องเจตนาที่เชื่อมโยงถึงกัน
ก้าวย่างที่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม จะถูกจับจ้องมากเป็นพิเศษ และหากพลาดพลั้งมาสังคมมีแต่จะรุมประณาม ยากจะให้อภัยเพราะมีเจตนาที่สกปรก!!