xs
xsm
sm
md
lg

“เต้น” โยนสภาสอบกดบัตรแทน แต่ป้องอย่าฟันธงฝีมือ พท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (แฟ้มภาพ)
“ณัฐวุฒิ” โยน สภาสอบใครกดบัตรแทน แนะอย่าฟันธงเพื่อไทยทำ งึมงำเจอถามบี้ลาออก บอกต้องเป็นไปตามกลไกประมวลจริยธรรม โยงเฉย หากเป็นประเด็นถึงขั้นล้มแก้รัฐธรรมนูญแล้วกฏหมายยุค
สนช.มีผลบังคับใช้ได้ยังไง


วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 14.50 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการระบุสมาชิกรัฐสภาบางคนได้กดบัตรแสดงตนและโหวตแทนกันในการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายสภาจะต้องตรวจสอบติดตามกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการเกิดขึ้นในเหตุการณ์ไหนในการอภิปรายรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้หรือไม่ หากเกิดขึ้นในเหตุการณ์นี้แล้วเป็นการดำเนินการโดยใคร นักการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใด เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคณะกรรมการที่จะตรวจสอบติดตาม ในเร็ววันคงจะรับทราบชัดเจน จริงๆ การทำหน้าที่ในสภาเป็นความรับผิดชอบเฉพาะบุคคลของคนที่ได้รับเลือกมาจากประชาชน เมื่อการปฏิบัติหน้าที่มีการปรากฏภาพไม่พึงประสงค์ เชื่อว่าหากมีข้อเท็จจริงคงมีกระบวนการฝ่ายสภาดำเนินการต่อ

เมื่อถามว่ามีการระบุเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยกดโหวตแทนกัน นายณัฐวุฒิ กล่าวปฏิเสธว่า ยังไม่ทราบ เพราะการกล่าวหาและแสดงภาพเป็นคนนั้นคนนี้มันพูดง่าย ทางที่ดีเรื่องอย่างนี้อย่าฟันธงกันเอง ให้คณะกรรมการที่ตรวจสอบยืนยันจะได้มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะข้อสังเกตคือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เป็นคนถ่ายภาพ ซึ่งปกติจะนั่งในซีกฝ่ายค้าน ฉะนั้นการที่จะไปนั่งด้านหลังผู้หนึ่งผู้ใด อนุมานเบื้องต้นว่าน่าจะเป็นซีกสมาชิกพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ หรือถ้าหากนายชูวิทย์บอกว่าภาพที่เกิดขึ้นเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลคงไม่ยากและไม่นานเกินไป ที่การตรวจสอบของฝ่ายสภาจะปรากฏความจริงออกมา

เมื่อถามว่าหากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเสียบบัตรแทนกันจะต้องแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า มีประมวลจริยธรรมของสภา และให้ทุกอย่างเดินตามกลไกกติกาจะดีกว่า การที่พูดว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ตนก็ไม่มีสถานะนอกจากสมาชิกของสภาคนหนึ่ง มีสิทธิเท่าๆ กันทุกคนและอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน

เมื่อถามว่าจะกระทบการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือเป็นโมฆะหรือไม่ หากยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ นายณัฐวุฒิ ตอบว่า มีบางฝ่ายที่นั่งในสภาอยากให้กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอันเป็นไปตลอดเวลาอยู่แล้ว ฉะนั้นเกิดเหตุภาพดังกล่าวคงไม่น่าวิตกเพิ่มเติม เพราะเห็นปรากฏการณ์ถ่วงเวลา หรือพยายามที่จะล้มกระดานแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตลอดเส้นทาง ซึ่งมีข้อน่าวิเคราะห์ว่าหากกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นถึงขั้นกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องล้มไปทั้งกระดานเป็นปัญหา แล้วกฎหมายเกือบ 200 ฉบับที่ร่างกันในยุครัฐบาลคณะรัฐประหารโดย สนช.องค์ประชุมไม่ครบชัดๆ ตัวเลขปรากฏหลักฐานยืนยัน แต่กฎหมายเหล่านั้นมีผลบังคับใช้ได้อย่างไร และบังคับใช้จนปัจจุบัน โดยไม่มีใครแสดงท่าทางทักท้วงนอกเหนือจากประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยซึ่งพูดเรื่องนี้มาตลอด ดังนั้น ถ้าจะหยิบยกมาคุยกันจะมาคุยพร้อมกันหรือไม่ หรือหาสรุปพร้อมกันเลยหรือไม่ ตนคิดว่าฝ่ายรัฐบาลคงไม่วิตกอะไรเพิ่ม เพราะอยู่ภาวการณ์ปกติ คือฝ่ายหนึ่งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่อีกฝ่ายหนึ่งพยายามปกป้องไว้ทุกวิถีทางเพราะตนเองได้ประโยชน์ทุกวิถีทาง
กำลังโหลดความคิดเห็น