นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงาน 60 ปีไทยโทรทัศน์ 35 ปี อสมท กล่าวชื่นชมพนักงานทำงานเข้มแข็ง ชี้ความท้าทายสื่อมวลชนปัจจุบัน สื่อต้องเข้าใจข้อเท็จจริง ทำการบ้านมากขึ้น รวมทั้งต้องมีความสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี ดึงดูดความสนใจโดยเพิ่มช่องทางอินเทอร์เน็ต-เครือข่ายสังคมออนไลน์ให้สอดคล้องกับสื่อดั้งเดิม
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน 60 ปี ไทยโทรทัศน์ 35 ปี อสมท และเปิดตัวการปฏิบัติงานทีมข่าว Brid's Eye News ซึ่งเป็นการรายงานข่าวผ่านเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของสำนักข่าวไทย โดยมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรพันธุ์ ยมจินดา รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ โดยได้รับชมการร้องเพลง “ก้าวนี้เพื่อเธอ” จากเด็กในมูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเดินชมนิทรรศการ 60 ปี ไทยโทรทัศน์ 35 ปี อสมท พร้อมเขียนข้อความแสดงความยินดีบนบอร์ดอวยพร
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีว่า การพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ บมจ.อสมท เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของพนักงานในบริษัททุกๆ คน ที่ช่วยกันทำงานอย่างเข้มแข็ง ร่วมกันฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ โดยไม่ย่อท้อต่อปัญหา ในฐานะรัฐบาลผ่านกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บมจ.อสมท ขอชื่นชมต่อการทำงานของทุกๆ คน พร้อมกันนี้ได้กล่าวถึงสภาวะโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมิติของเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม รวมถึงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลข่าวสารในการนำเสนอต่อสาธารณชน เพราะต้องการส่งเสริมให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างครอบคลุม ซึ่งต้องอาศัยองค์ประกอบที่เป็นความรู้มีพื้นฐานทางวิชาการ และวิทยาศาสตร์ มีเหตุและผลผ่านการนำเสนอของสื่อมวลชนและสื่อสาธารณะทุกประเภทอย่างกว้างขวาง ครบถ้วน รวดเร็ว และถูกต้อง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ความท้าทายของสื่อมวลชนในปัจจุบัน ซึ่งมีขอบเขตในการทำงาน และต้องนำเสนอข้อมูลตามข้อเท็จจริง สื่อมวลชนต้องเข้าใจข้อเท็จจริง ทำการบ้านต่อข้อมูลให้มากขึ้น เพื่อการนำเสนอข้อมูล อย่างตรงไปตรงมา ถูกต้อง ไม่ลำเอียง สะท้อนปัญหาของสังคม ให้ผู้รับข้อมูลสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์และตัดสินใจ ทั้งนี้ สื่อมวลชนยุคใหม่ต้องมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี เพื่อการนำเสนอข่าวที่ทันต่อเหตุการณ์ และดึงดูดความสนใจ เพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต และเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้สอดคล้องกับสื่อแบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ รวมถึงสื่อสิ่งพิมพ์ นอกจากนั้น สื่อมวลชนไทยยังมีบทบาทหน้าที่ที่จะสร้างความพร้อมให้กับประชาชนคนไทยให้มีความรู้ ความเข้าใจต่อความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่กำลังก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนสู่การเป็นประชาคมอาเซียนแปลง รวมถึงการเผยแพร่ความรู้ ทักษะวิชาชีพ วัฒนธรรมประเพณี ภาษาทั้งและภาษาอังกฤษ เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้พัฒนาศักยภาพของตนเองและเพื่อการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภายหลังเสร็จจากพิธีเปิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์สดกับ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล พิธีกรรับเชิญ เพื่อประเดิมโต๊ะอ่านข่าวของผู้ประกาศชุดใหม่ของโมเดิร์นไนน์ทีวี โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงบทบาทสื่อมวลชนกับการปรองดองของประเทศไทยว่า สื่อมวลชนน่าจะเป็นผู้ที่วิเคราะห์และเสนอข้อเท็จจริงครบทุกมุมมอง และประชาชนเป็นผู้รับรู้ข่าวสารและวิเคราะห์ว่า สิ่งไหนจะตัดสินใจอย่างไร แต่ถ้ายิ่งเป็นมุมที่เราคิดว่าเป็นมุมที่จะเกิดความขัดแย้งในสังคมจากแผลเล็ก ถ้าเรายิ่งซ้ำเข้าไปแผลก็จะใหญ่ขึ้น ดังนั้นความปรองดองก็จะไม่เห็น ถ้าเรามองแผลเล็กมีความขัดแย้งซึ่งตนเห็นด้วยในแง่จิตวิญญาณของสื่อมวลที่ต้องเสนอ แต่ว่าต้องเสนอทางออก ซึ่งถ้าจะให้ได้ทางออกที่ดีก็ต้องไปสัมภาษณ์หรือมุมมองอีกส่วนว่ามีมุมมองอย่างไร ดังนั้นหน้าที่การเสนอข่าวสารตนมองว่า 1.เสนอข้อเท็จจริง 2.เสนอหลายๆมุมมองเพื่อค้นหาทางออกร่วมกัน
เมื่อถามว่า นายกฯ รำคาญหรือไม่เวลาที่มีคนชมหรือวิพากษ์วิจารณ์ว่าสวย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ต้องไปถามคำว่าสวยแปลว่าอะไร ถ้าสวยเฉยๆ เช้ามาตื่นมาแต่งตัวสวยโดยที่ไม่ทำงานอย่างนี้ดิฉันก็ไม่อยากได้รับคำนี้ แต่เราอยากได้รับคำที่ว่า ถ้าแม้ว่าเรื่องนี้คือรูปลักษณ์ผู้หญิงเป็นใครคงไม่ปฏิเสธเรื่องการรักสวยรักงาม ซึ่งเป็นน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจให้เรามีความสุขไปวันๆแต่แน่นอนเราต้องสร้างงความสมดุล ไม่ใช่ว่ามาแต่งตัวโดยที่ไม่ทำงาน หรือทำงานโดยที่ไม่ได้คิด ซึ่งอันนี้ต่างหากที่เราห่วงในความรู้สึกของประชาชน ดังนั้นเราไม่อยากจะให้ทุกคนมาชมว่าสวย แต่อยากให้เห็นว่าเราทำงานรับใช้ประชาชนแล้วถูกใจประชาชนหรือเปล่า อันนี้ต่างหากที่อยากได้ยิน