“ปานเทพ” หวังประชาชนตื่นรู้พร้อมกัน เลิกตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง จะทำให้นักการเมืองยอมเสียสละเพื่อปฏิรูปประเทศ เชื่อ “รัฐบาล-นายทุน” รวมหัวไม่ให้ “แม้ว” กลับประเทศ จึงจัดฉากรดน้ำ “ป๋า” ด้าน “ประทีป” ชี้ “ทักษิณ” เร่งเกมก่อนทรุดหนัก หลังมีภาพแพร่สะพัดตอกย้ำข่าวลือมะเร็งต่อมลูกหมาก
วันที่ 24 ธ.ค. เมื่อเวลา 20.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง ร่วมในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
นายปานเทพกล่าวว่า ย้อนกลับไปโมเดล 4 ข้อ ที่ตนเคยพูดไว้ ว่าอนาคตประเทศไทยไทยมี 4 ทางเลือก 1. มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ระหว่างเผด็จการทหาร หรือเผด็จการรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง และเมื่อชนะแล้ว ยอมเสียอำนาจเผด็จการนั้นปฏิรูปการเมือง 2. มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเช่นกัน แต่ไม่เสียสละอำนาจ แต่กระชับอำนาจต่อไปในอนาคตจนไม่มีใครตรวจสอบได้ 3. ที่คนกำลังสงสัยมากสุด คือ ไม่มีใครชนะได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทหารก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะถ้ารัฐประหาร รัฐสภาก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเผด็จการได้สำเร็จหรือไม่ จึงต้องสร้างฉากที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะไม่รุกคืบไปกลืนกินอำนาจของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยประชาชนไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของชนชั้นนำแต่ละฝ่ายจับมือกัน โมเดลนี้คนสงสัยว่าเป็นไปได้สูง เกิดการจับมือชนชั้นนำเพื่อซื้อเวลา และเชื่อว่าเมื่อทอดเวลาออกไปฝ่ายตัวเองจะได้เปรียบมากกว่า เพื่อรอโมเดลที่ 1 กับ 2 ในอนาคต เช่น ฝ่ายรัฐบาลมีความรู้สึกว่ายิ่งอยู่นานตัวเองยิ่งมีอำนาจมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้ารัฐบาลอยู่ไปล้มเหลว มวลชนแตกแยก ก็จะเกิดการเสียเปรียบ อีกทั้งความเป็นจริงไม่มีใครทั้งรัฐบาล-ทหารจะได้เปรียบและเสียเปรียบเท่ากันทั้งคู่ จะมีฝ่ายหนึ่งได้เปรียบกว่า พอนานๆ ไป ฝ่ายที่คิดว่าตัวเองอยู่นานแล้วได้เปรียบจริง ก็จะยอมทุกอย่าง ยอมหักหลังมวลชนได้ เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจ ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งที่คิดว่าตัวเองอยู่นานยิ่งเสียเปรียบ เมื่อประจักษ์แล้ว ก็จะกลับไปที่โมเดล 1 กับ 2 ใหม่ 4. โมเดลสุดท้าย เกิดเหตุการณ์ที่รู้แจ้งเห็นเจริง นักการเมืองยอมเสียสละปฏิรูปการเมือง ประเทศสงบ แต่มันยากมาก
นายปานเทพกล่าวต่อว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยากเป็นนายกฯ และเกิดคู่ขนาบสองข้าง โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และนายเศรษฐา ทวีสิน ช่วยว่าราชการหลังม่าน จนเป็นบุคคลที่นักธุรกิจใหญ่ๆ ต้องวิ่งเข้าหาในขณะนี้
ภาพบรรยากาศวันที่ 26 เมษา ที่จะรดน้ำอวยพร พล.อ.เปรม เกิดจากการจัดฉากของกลุ่มทุนที่ไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับไทย แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นน้องสาวก็ตามที แต่พอมีงบมหาศาลกว่า 3.5 แสนล้านบาท พวกนี้จะได้ประโยชน์หมด เหตุการณ์นี้เหมือนจะปรองดอง แต่จริงๆแล้วไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับได้หรือเปล่า เป็นกรรมที่เลือกใครมาเป็นนายกฯ ก็ไม่อยากให้กลับ แม้จะเป็นการซื้อเวลา แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ชนชั้นนำจับมือกันไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับ จะได้แบ่งกันกินผลประโยชน์ที่แบ่งกันลงตัวแล้ว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การที่จัดรดน้ำ พล.อ.เปรม ทำให้เสื้อแดงเจ็บปวดมาก และที่พลาดหนัก คือ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าต้องมีคนเสียสละ ทำให้เสียมวลชนอย่างมาก จนเกิดการลังเลของฝ่ายการเมืองว่าจะปรองดองกับทหารได้หรือไม่ แล้วถ้าไม่ปรองดองกับทหาร แล้วทหารจะยอมหรือเปล่า เป็นสถานการณ์ที่ยากต่อการตัดสินใจ เป็นบาปกรรมที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเอง และสิ่งสำคัญการที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนใจร้อน เป็นเงื่อนไขให้ทุกอย่างพังทลายลงมาไม่เคยสำเร็จอยู่หลายครั้ง
นายปานเทพกล่าวต่อว่า แล้วอะไรจะเกิดขึ้น เหตุการณ์เพื่อไทยแพ้เลือกตั้งที่ จ.ปทุมธานี ทำให้ทุกคนเริ่มตระหนักว่าประชาชนที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมา รับไม่ได้กับการถูกเอารัดเอาเปรียบของนักการเมือง ซึ่งทิ้งประชาชนตอนน้ำท่วม สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนสีไหนก็ตาม ถ้าถูกปลุกระดมขึ้นมาก็จะทวงถามสิ่งที่ปลุกขึ้นมา ซึ่งถ้าไม่มีใครจัดการปัญหาอะไร ตนหวังว่าโมเดลข้อ 4 (ทุกฝ่ายเสียสละเพื่อปฏิรูปประเทศ) จะเกิดขึ้นได้ ถ้าประชาชนตื่นรู้พร้อมๆกัน
ด้าน พล.ร.ท.ประทีป กล่าวถึงกรณีการเผยแพร่ภาพที่สงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใส่วิกผม และกล่องท่อรับน้ำปัสาวะว่า จากการสังเกตทั้งอากัปกิริยา การเปล่งเสียงตอนร้องเพลงที่กัมพูชา แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความกดดันค่อนข้างสูง ทำให้สังคมตีความว่าช่างแม่มัน หมายถึงใครที่ขัดขวางการปรองดอง ภาพจากเฟซบุ๊กที่เผยแพร่กัน เห็นชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณใส่วิกผมปลอม ซึ่งช่วงนั้นก็มีข่าวลือว่าป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ส่วนตรงพุงที่สังเกตกันว่าอาจเป็นกล่องใส่ท่อรับน้ำปัสสาวะเพราะผ่าตัดมะเร็งหรือไม่ เมื่อภาพเหล่านี้ออกมา ข่าวลือก็ยกระดับความน่าเชื่อถือสูงขึ้น เป็นที่มาของการเร่งเกม
