“ณัฐวุฒิ” ลั่นจุดยืนยังคงต่อต้านระบอบอำมาตย์ทุกรูปแบบ ระบุที่ “นายกฯ ปู” เข้ารดน้ำขอพร “ป๋าเปรม” เป็นไปตามบทบาทนายกฯ เฉไฉไม่ตอบเป็นผู้น้อยควรขอขมาผู้ใหญ่หรือไม่ หันเล่นงาน “มาร์ค” ควรไปขอขมา 92 ศพ ดีกว่ามาจี้ให้ตัวเองและ “ตู่” ไปขมา “ป๋า” แถมยังเหน็บอย่าใจแคบทำประเทศจมปลักอยู่กับความขัดแย้ง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนแสดงความไม่พอใจกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรองนายกรัฐมนตรีเข้ารดขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่ 26 เม.ย.ว่า คิดว่าประชาชนทั้งประเทศไม่ว่าสวมเสื้อสีอะไร น่าจะเข้าใจบทบาทหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ทั้งในเรื่องการบริหารประเทศ ขับเคลื่อนนโยบาย ตลอดจนการทำหน้าที่ผู้นำประเทศในการนำพาบ้านเมืองออกจากความขัดแย้งทุกๆ อย่างหลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ล้วนแต่มีสัญญาณที่ดีที่จะเกิดสันติภาพ ความปรองดองในสังคมไทย คิดว่าคนส่วนใหญ่กำลังให้กำลังใจ
“คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังทำในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้านี้ คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทำไม่ได้ แล้วก็ไม่เคยทำได้ นั่นคือการเดินหน้าเข้าหาทุกคน ทุกฝ่าย เพื่อส่งสัญญาณปรองดองให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย ความเห็นด้วยหรือเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ วันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำ และถือธงปรองดองมาตั้งแต่เลือกตั้งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องให้ความเข้าใจ และให้กำลังใจ เชื่อว่าประชาชนเข้าใจสิ่งนี้”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้เป็นแกนนำที่นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกบ้าน พล.อ.เปรม แต่ในขณะที่นายกรัฐมนตรีนำรองนายกฯ เข้าอวยพร มองเรื่องนี้อย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สถานการณ์มันคนละเหตุการณ์ การต่อสู้ทางการเมืองวันนั้นเป็นการต่อสู้ของขบวนการประชาชนที่ต่อต้านอำนาจของคณะรัฐประหาร และเป็นการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านระบอบอำมาตยาอธิปไตย ทุกอย่างเป็นความจริงในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ และตนก็ไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธเปลี่ยนแปลงความจริงเหล่านี้ เพียงแต่ว่าขณะนี้มีรัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์มาจากการเลือกตั้ง ประกาศนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นมันเป็นคนละเรื่อง คนละเหตุการณ์ คนละองค์กร
เมื่อถามว่าต้องลืมอดีตหรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ ตนพูดมาตลอดว่าเราจำเป็นต้องเก็บบทเรียนจากอดีตเพื่อให้เราไม่ผิดพลาดอีกในอนาคต หากเราลืมอดีตเราจะขาดพื้นฐานในการเดินไปข้างหน้า แต่ถ้าเราเข้าใจ เรียนรู้ เก็บบทเรียนจากอดีตได้ มันจะทำให้เราเดินไปข้างหน้าอย่างแข็งแรง และไม่ซ้ำรอยความผิดพลาด ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก่อน
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า หากรัฐบาลจะเดินหน้าปรองดองนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ควรเข้าไปขอขมา พล.อ.เปรมนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า นี้เป็นสิ่งที่สรุปได้อีกครั้งหนึ่งว่านายอภิสิทธิ์เอาแต่คิดเล็กคิดน้อย เอาแต่การยุแยงตะแคงรั่ว หาเศษหาเลยทางการเมือง เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ มีสโลแกนเดียวเลย คือ สร้างความร้าวฉานเป็นงานของเรา อะไรที่จะสร้างรอยปริร้าวในสังคมได้ อะไรที่จะสร้างความแตกแยกให้เป็นอุปสรรคต่อความปรองดองของรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้ นายอภิสิทธิ์ก็ไม่อับอาย
“การมาเรียกร้องปรองดองให้ผมและคุณจตุพรเข้าไปขอขมา พล.อ.เปรม เรื่องนี้ไม่ใช่ความขัดแย้ง หรือปัญหาระหว่างบุคคล พูดมาตลอด เป็นเรื่องแนวทางทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โครงสร้างทางสังคม ถ้าคุณอภิสิทธิ์เรียกร้องแบบนี้ อยากให้ปรองดองจริงๆ คุณอภิสิทธิ์น่าไปขอขมาญาติผู้เสียชีวิต 92 ศพจากการปราบปรามประชาชนในปี 2553 และเดินทางไปสี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 19 พ.ค.ที่จะถึงนี้ เพื่อไปกราบขอขมาดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต ไปกราบขอขมาความรู้สึกนึกคิดของครอบครัวผู้สูญเสีย บรรยากาศปรองดองจะเกิด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ทัศนคติ ความรู้สึกนึกคิดที่มอง พล.อ.เปรมเป็นอย่างไรบ้าง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนต่อต้านระบอบอำมาตย์ทุกรูปแบบ และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยในทุกกรณี นี่คือจุดยืนตลอดเวลา สำหรับตนแล้วโดยส่วนตัวไม่ได้มีปัญหา แต่จุดยืนทางการเมืองชัดแต่ต้นว่าเราปฏิเสธแนวทางที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยทุกรูปแบบ ยืนยันที่ทำมาก็ทำโดยความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมรับผิดชอบทุกกรณี เพราะมีคดีความทางกฎหมายอยู่ ก็พร้อมพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม ส่วนการเข้าพบทราบว่านายกฯ จะนำรองนายกฯ เป็นตัวแทนรัฐมนตรีคนอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเป็นผู้น้อยที่อาจจะเคยล่วงเกินผู้ใหญ่ทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกว่าขุ่นเคืองใจ จะไม่ถือโอกาสเทศกาลนี้ขอขมากับสิ่งที่ได้ล่วงเกินหรือ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนว่าเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือผู้น้อย น่าจะหันหน้าไปทิศทางเดียวกัน คืออนาคตของประเทศ วันนี้ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครขอขมาใคร ประเด็นอยู่ที่จะรอคอยให้ประเทศจมปลักอยู่กับความขัดแย้งไม่ได้ และตนก็ไม่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้น้อย ทำให้เป็นประเด็นในการเผชิญหน้าขึ้นมา ยกเว้นคนชื่อนายอภิสิทธิ์ กับพรรคประชาธิปัตย์ อีกทางหนึ่งตนก็ดีใจที่นายอภิสิทธิ์แสดงท่าทีอย่างนี้ เพราะถ้าจะขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ก็เรื่องเดียว ของขวัญที่ล้ำค่าที่พรรคประชาธิปัตย์มอบให้พรรคเพื่อไทย คือ การมอบให้นายอภิสิทธิ์ยังเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ใครก็ตามที่มีบทบาทสำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายราชการ รัฐบาล หรือฝ่ายอื่นๆ ล้วนแล้วต้องมีบทบาทสร้างสันติภาพประเทศ ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน เปิดใจกว้าง จะมาจิตใจคับแคบแบบนายอภิสิทธิ์ คิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ เห็นว่าชอบมีแบบนี้อยู่เจ้าเดียว ลูกค้าเลือกซื้อง่าย และไม่คิดว่าจะทำให้มวลชนหายไป จุดยืนต่อสู้เหมือนเดิม เราก็ทำหน้าที่ของเรา นายกฯ ก็ทำหน้าที่นายกฯ เท่านั้นเอง