xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ขู่ไม่ฟังฝ่ายค้าน ถกแก้ รธน.ยาวอีก 5 วัน แนะปรองดองต้องให้ “เต้น-ตู่” ขมาป๋า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“มาร์ค” ขู่รัฐบาล ถ้าไม่ฟังข้อทักท้วงฝ่ายค้าน อภิปรายแก้ รธน.อาจต้องใช้เวลาอีก 5 วัน ตอก “สดศรี” เอาแต่ความสบายของ กกต. หนุนใช้ กม.เลือกตั้งท้องถิ่นมาคุมเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยไม่คิดถึงความเสียหายที่พรรคการเมืองจะเข้ามาครอบงำการยกร่าง รธน. ทำใจ “นายกฯ ปู” ไร้วิสัยทัศน์แก้กติกาสูงสุดประเทศ เหตุถูกวางบทบาทมาแค่นี้ แต่ก็หนีความรับผิดชอบไม่ได้ ชี้ “ยิ่งลักษณ์” นำ ครม. รดน้ำ “ป๋าเปรม” เป็นการกระทำตามประเพณี ไม่เกี่ยวปรองดอง บอกถ้าอยากปรองดองจริงต้องให้ “ณัฐวุฒิ-จตุพร” เข้าขอขมา “ป๋า”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ (24 เม.ย.) ว่าต้องแยกเป็นทีละขั้นตอน โดยขณะนี้อยู่ในวาระที่สองพรรคยืนยีนการทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงร่างให้เสียหายน้อยที่สุด ไม่ให้เป็นเครื่องมือนำไปสู่การเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคล หรือมีความไม่เหมาะไม่ควรเท่าที่จะทำได้ บางเรื่องก็ชัดเจนว่าพรรคคงไม่สามารถทำให้ทางกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากยอมได้ แต่ส่วนไหนที่พรรคพอทำได้ก็จะดำเนินการต่อ ซึ่งหากกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากตอบรับข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้น แต่ถ้าไม่ตอบรับก็จะต้องอภิปรายกันต่ออาจจะต้องใช้เวลา 5 วันหรือมากกว่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนในวาระ 3 ซึ่งเมื่อมีการการเลือก ส.ส.ร. ก็ต้องให้ความจริงกันต่อไปว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญควรจะเป็นอย่างไร

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ออกมาสนับสนุนให้ใช้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นแทนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ว.ว่า ตนได้เสนอไปแล้วว่าอยากให้ฝ่ายค้านได้หารือกับ กกต.ว่าเรามีความเป็นห่วงในเรื่องบทบาทของพรรคการเมืองที่จะไปครอบงำ ส.ส.ร. ซึ่งตนไม่ทราบว่านางสดศรีมีคำตอบในเรื่องนี้หรือไม่ ว่าการใช้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นจะวางบทบาทพรรคการเมืองในการเลือกตั้ง ส.ส.ร.อย่างไร

“การที่นางสดศรีอ้างว่าจะประหยัดงบประมาณได้พันล้านจากการไม่ต้องจัดเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรนั้น ผมเห็นว่าเป็นคนละประเด็น เพราะได้บอกไปแล้วว่า กรณีการใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ว.สามารถยกเว้นเรื่องการเลือกตั้งต่างประเทศ เลือกตั้งล่วงหน้าได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนอยู่แล้วว่าให้ กกต.สามารถยกเว้นบทบัญญัติใดที่ไม่อยากใช้เรื่องนี้จึงไม่ใช่ประเด็น ซึ่งนางสดศรีควรจะไปดูประเด็นนี้ใหม่”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบว่านางสดศรีทราบหรือยังว่าปัญหาของบทบาทพรรคการเมืองที่ถกเถียงกันอยู่เป็นอย่างไร การอนุโลมให้ใช้กฎหมายท้องถิ่นและไกลถึงขนาดจะให้ศาลอุทธรณ์มาพิจารณาเรื่องการทุจริตเลือกตั้งทั้งหมด คือ กกต.ตามร่างที่ปรากฏไม่มีอำาจในการออกใบเหลือง ใบแดง ส.ส.ร.เลย แม้ว่าจะไม่ขัดกฎหมายเพราะเป็นรัฐธรรมนูญแต่มันก็เป็นเรื่องแปลกที่เรามีองค์กรทำหน้าที่ดูแลความสุจริตเที่ยงธรรมของการเลือกตั้ง แต่กลับไม่ใช้ ไปใช้กฎหมายที่ไม่เคยเขียนมาก่อนว่าบังคับให้ศาลต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน และในทางปฏิบัติหากเทียบกับคดีท้องถิ่นก็ใช้เวลาเกิน 30 วัน จึงไม่เหมาะที่จะใช้ ตนจึงอยากให้นางสดศรีมองประโยชน์ส่วนรวมอย่ามองเฉพาะความสะดวกของ กกต. อาจจะเป็นไปได้ที่นางสดศรีไม่อยากให้ กกต.มายุ่งวุ่นวายเรื่องการให้ใบเหลือง ใบแดง ส.ส.ร.กลัวว่าจะต้องยุ่งยากจึงอยากให้มองประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตัวองค์กร เพราะฟังเหตุผลที่ผ่านมานางสดศรีจะเน้นในเรื่องความสะดวกเป็นหลัก ทั้งที่มีเรื่องใหญ่กว่าความสะดวกเพราะเรากำลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรมีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากความหลากหลาย หรือเป็นสภาซึ่งเสียงข้างมากหรือฝ่ายการเมืองครอบงำได้ยาก จึงอยากให้นางสดศรีมองประเด็นนี้ด้วย

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การกำหนดให้ศาลอุทธรณ์ทำหน้าที่ให้ใบเหลือง ใบแดง ส.ส.ร.ภายใน 30 วันนั้น เป็นการใส่ไว้ในช่วงท้าย ซึ่งตนก็สอบถามผู้แทนกฤษฎีกาว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยมีความเร่งรีบเพราะ กกต.ยืนยันว่าควรมีกฎหมายเลือก ส.ส.ร.เป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ หากมีการรวบรัดกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ส.ร.มากจนเกินไป ก็จะทำให้ในขั้นตอนของการเลือกตั้ง ส.ส.ร.จะเกิดการโกง ซื้อเสียงง่ายกว่าที่ควรจะเป็น เพราะมีการบังคับให้รับรองภายในระยะเวลาที่กำหนดว่าศาลจะต้องพืจารณาให้แล้งเสร็จภายใน 30 วัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดได้

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงบทบาทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ว่า ที่ผ่านมายังไม่ปรากฏความเห็นของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามบทบาทที่มีคนวางไว้ให้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะที่สุดแล้วเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลจากเดิมที่บอกว่าเป็นเรื่องของสภา แต่ที่สุดแล้วก็ใช้ร่างของ ครม.เป็นหลักในการพิจารณาเรื่องนี้ เมื่อนายกรัฐมนตรีกลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศแล้วก็อยากเห็น ครม.ไปร่วมประชุมรัฐสภารับฟังปัญหาต่างๆ บ้าง แต่คงบังคับให้นายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะมีความเห็นหรือไม่ก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเตรียมนำ ครม.เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อขอพรปีใหม่ไทยนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การที่ครม.จะรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ในโอกาสสงกรานต์เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่เกี่ยวข้องกับความปรองดอง เป็นการแสดงความเคารพ เพราะถ้าอยากแสดงความปรองดองต้องให้แกนนำเสื้อแดงไปขอขมา พล.อ.เปรมมากกว่า เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตร นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ไปขอขมาได้ว่าสิ่งที่เคยกล่าวหา พล.อ.เปรมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องจึงจะเรียกว่าปรองดอง แต่ถ้าเป็น ครม.เข้ารดน้ำดำหัวเป็นเรื่องของการทำตามประเพณี ถ้านายณัฐวุฒิเข้าไปและขอขมาในสิ่งที่เคยล่วงเกินก็จะได้เห็นว่าปรองดองจริงหรือไม่ แต่ถ้านายณัฐวุฒิไม่ไปก็จะยิ่งชัดเข้าไปใหญ่ว่า ในเมื่อ ครม.ว่างหมดแล้ว ทำไมนายณัฐวุฒิจะไม่ว่างอยู่คนเดียว สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น