xs
xsm
sm
md
lg

รวมภารกิจ “ยิ่งลักษณ์” เฝ้าตึกไทยคู่ฟ้า วางแผนรดน้ำขอพร “ป๋าเปรม”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกฯ ให้นักธุรกิจ-ปธ.ที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีนเข้าเยี่ยมคารวะ ก่อนนั่งหัวโต๊ะร่วมปลัดกระทรวงถกค่าจ้างขั้นต่ำ ระบุรดน้ำขอพร “ป๋าเปรม” เพราะต้องการเห็นประเทศเดินหน้าคนในชาติปรองดอง อ้างคนปทุมเบื่อหน่ายเลือกตั้งถี่ ใช้สิทธิแค่ 35% ทำเพื่อไทยพ่ายยับทั้งเลือกตั้ง ส.ส.-นายก อบจ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 เม.ย.) เวลา 09.30 น. นายมานูเอล อาร์โรโย ประธานกลุ่มธุรกิจโคคาโคลา ประจำภูมิภาคอาเซียน เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ นายมานูเอล อาร์โรโย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของกลุ่มโคคา-โคลาในประเทศไทยในฐานะที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญประจำภูมิภาค และมีความเหมาะสมในการเป็นฐานการขยายธุรกิจในอาเซียน ซึ่งทางโคคา-โคลา ได้ยืนยันการขยายการลงทุนในไทย และยืนยันว่าแม้จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยปี 2554 แต่จะไม่ย้ายสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคไปประเทศอื่น

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลายังได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับกิจกรรมเพื่อสังคม ซึ่งทางโคคา-โคลาได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงอุทกภัยทางบริษัทได้ให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งการบรรเทาทุกข์ และการฟื้นฟูซ่อมสร้างในชุมชนที่ผู้ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงกิจกรรมการส่งเสริมและสร้างงานแก่สตรี ซึ่งทางโคคา-โคลามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้สตรีได้รับความเท่าเทียมในการทำงาน ทั้งในเรื่องอัตราค่าจ้าง และการดูแลคุณภาพชีวิตของลูกจ้างหญิง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีของทางรัฐบาลด้วย

ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณกลุ่มธรุกิจโคคา-โคลาในบทบาทของการเป็นภาคเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนในยามที่ประเทศไทยเกิดวิกฤต และมีการดำเนินกิจกรรมที่สร้างสรรค์สังคมต่างๆ มาโดยตลอด ในส่วนของแนวทางการอำนวยความสะดวกแก่การขยายการลงทุนในไทยนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการลงทุนของภาคเอกชนเป็นอย่างมาก และจะต้องควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเช่นเดียวกัน ดังนั้น รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของภาคเอกชนเพื่อปรับปรุงและสร้างความแข็งแกร่งแก่ภาคการลงทุนและภาคอุตสาหกรรมต่อไป และยืนยันถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงของอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมของโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายเจี่ย ชิ่งหลิน (H.E. Mr. Jia Qinglin) ประธานที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย ในฐานะแขกของวุฒิสภา ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า สรุปดังนี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับนายเจี่ย ชิ่งหลิน ประธานที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน และกล่าวถึงการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่ได้รับการต้อนรับอย่างดีและอบอุ่นจากรัฐบาลจีน และได้พบปะกับผู้นำระดับสูงของจีน อาทิ ประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ซึ่งไทยมีความพอใจที่ปัจจุบันความสัมพันธ์ไทย-จีน ได้ขยายตัวในทุกมิติ ซึ่งประธานที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน กล่าวว่า การเดินทางเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีนับว่านำมาซึ่งความสำเร็จและบรรลุฉันทามติหลายประการ

ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ไทย-จีนได้เพิ่มพลวัตรระหว่างสองประเทศอย่างมาก และการยกระดับความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ความร่วมมืออย่างรอบด้าน นับเป็นการเปิดความสัมพันธ์หน้าใหม่ รวมถึง การลงนามในแผนปฏิบัติการความร่วมมือ ฉบับที่ 2 ที่ครอบคลุมในทุกสาขา เช่น การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา การทหาร วิทยาศาสตร์ ฯลฯ นับเป็นการวางแผนการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ชาญฉลาด และเชื่อมั่นว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ไทย-จีน จะสามารถบรรลุเป้าหมายทางการค้าที่วางไว้ 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนเองให้ความสำคัญอย่างมากกับความสัมพันธ์ไทย-จีนและพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยเพื่อให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีก้าวหน้าบนพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้ของไทยร่วมกับจีน พร้อมชื่นชมแนวทางการพัฒนาประเทศของจีนและความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีบทบาทนำในการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยกล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมชมการบริหารจัดการน้ำ การเยี่ยมชมรถไฟความเร็วสูง และการวางผังเมืองในอนาคตที่เมืองเทียนจิน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างสองประเทศ ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทย-จีนและการแลกเปลี่ยนการเยือนซึ่งกันและกัน ว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ พร้อมกับขอบคุณนายเจี่ย ชิ่งหลิน ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันและส่งเสริมความสัมพันธ์ของสองสภาด้วย

ทั้งนี้ ประธานที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน ได้ยืนยันที่จะสนับสนุนและเกื้อกูลซึ่งกันและกันในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นที่จะรักษาแนวโน้มความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าเช่นนี้และความร่วมมือที่แน่นแฟ้นให้พัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป

ภายหลังการหารือ นายเจี่ย ชิ่งหลิน ประธานที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติจีน ได้มอบภาพเขียนจีนรูปดอกโบตั๋น ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติจีนแก่นายกรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี กรุงเทพฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 3/2555 ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เลขาธิการ ก.พ. โดยการประชุมฯ ครั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้นำประเด็นภารกิจสำคัญ 3 ด้าน คือ 1) การปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ที่ให้ความสำคัญต่อการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของแรงงาน 2)การบริหารแรงงานต่างด้าว เนื่องจากที่ผ่านมามีการขาดแคลนแรงงานในบางอาชีพ ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นทั้งที่เป็นแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย และหลบหลีเข้าเมือง ดังนั้นคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) จึงกำหนดแนวนโยบายหลักคือการทำให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่มีอยู่เป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายในลักษณะนำน้ำดีมาแทนน้ำเสีย โดยให้มีการดำเนินการทั้งการเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบทำงาน การป้องกัน สกัดกั้น ปราบปรามและจับกุมผู้จะเข้ามาใหม่ และ 3) การเตรียมความพร้อมกำลังคนสู่การเปิดประชาคมอาเซียน เพื่อรองรับการเปิดเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีของประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งกระทรวงแรงงานจะต้องผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงาน และต้องเร่งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทยให้มีความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและประคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ การพัฒนาศักยภาพด้านภาษาต่างประเทศ ทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาของชาติในอาเซียน ตลอดจนเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเคลื่นย้ายแรงงานฝีมือเสรี ฯลฯ เสนอเข้าสู่ที่ประชุมเนื่องจากเห็นว่าภารกิจหลักดังกล่าวเหล่านี้ กระทรวงแรงงานไม่อาจดำเนินโดยลำพังได้ จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากภาคส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงจะสามารถผลักดันให้เกิดความสำเร็จ

เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงบริเวณห้องประชุมจอมพล ป.พิบูลสงคราม ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ได้เยี่ยมชมนิทรรศการที่ทางกระทรวงแรงงานได้จัดแสดงไว้ เช่น นิทรรศการที่เกี่ยวกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท การพัฒนาฝีมือแรงงานเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน แรงงานไทย “ต้นทาง-ต้นทุน” เศรษฐกิจไทย เป็นต้น พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงและคณะผู้บริหารของกระทรวงแรงานก่อนเข้าร่วมประชุมฯ ต่อไป

โดยการประชุมฯ ในครั้งนี้ นายนนทิกร กาญจนะจิตรา เลขาธิการ ก.พ.ได้กล่าวแนะนำปลัดกระทรวงแรงงานเจ้าภาพในการจัดประชุมฯ จากนั้นปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง พร้อมมอบของที่ระลึกจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน แด่นายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดการประชุม ปลัดกระทรวงแรงงาน นำเสนอภารกิจสำคัญของกระทรวงแรงงานเป็นวีดิทัศน์ ต่อจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ปรึกษาหารือข้อราชการพร้อมรับประทานอาหารวันกลางร่วมกับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงก่อนเดินทางกลับ

จากนั้นเวลา 14.00 น. ณ กระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี กรุงเทพฯ ภายหลังเสร็จสิ้นการเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ครั้งที่ 3/2555 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่จะนำคณะรัฐมนตรีเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่ 26 เมษายน 2555 เพื่อไปรดน้ำขอพรจากพล.อ.เปรมฯ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ว่า การเข้าพบดังกล่าวจะเป็นการนำร่องนายกรัฐมนตรี เข้าพบเพื่อขอบคุณ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ได้เป็นประธานในพิธีการจัดงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ซึ่งรัฐบาลได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา รวมทั้งจะไปรดรดน้ำขอพรจากพล.อ.เปรมฯ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ด้วย

ส่วนการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่ 26 เมษายน 2555 มวลชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยจะมองจุดยืนของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนไปหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่ได้มีการหาเสียงไว้คือต้องการเห็นประเทศชาติเดินหน้าเพื่อความปรองดอง ซึ่งสิ่งใดที่เป็นความคิดเห็นของทุกภาคส่วนรัฐบาลก็ยินดีรับฟัง ทั้งนี้ในส่วนกรณีที่จะเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในวันที่ 26 เมษายน 2555 ก็จะไปรับพรจากท่าน เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองและรัฐบุรุษที่หลายคนให้ความเคารพนับถือ และพร้อมยินดีน้อมรับคำแนะนำในการทำงานจาก พล.อ.เปรมฯ และทุกภาคส่วน เพื่อให้บรรยากาศของประเทศชาติบ้านเมืองก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ต่างชาติก็ให้การยอมรับประเทศไทยกำลังเริ่มเข้าไปสู่บรรยากาศของความสามัคคีปรองดองแล้ว

สำหรับกรณีที่มีหลายคนมองว่าการเข้าพบดังกล่าวดูเหมือนรัฐบาลส่งสัญญาว่า ถ้า พล.อ.เปรมฯ ไม่ยอม การปรองดองก็จะไม่เดินหน้านั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความจริงแล้ว พล.อ.เปรมฯ ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับทางการเมือง ซึ่งในส่วนของรัฐบาลเองก็ต้องทำหน้าที่ ขณะที่การเมืองนั้นก็เป็นงานที่เป็นหน้าที่ของสภาฯ ทั้งเรื่องของกระบวนการการเมืองต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐสภา ฝ่ายรัฐบาลเองก็มีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองและแก้ปัญหาของปากท้องและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดปทุมธานี เขต 5 ที่นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง พรรคประชาธิปัตย์ ชนะนายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ จากพรรคเพื่อไทย รวมถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยแพ้เข่นกัน ว่า ถ้าดูจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งใหญ่เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น จังหวัดปทุมธานีมีผู้มาใช้สิทธิประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ส่วนครั้งนี้ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่ประชาชนเริ่มจะเบื่อหน่ายที่จะต้องมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอีกครั้งทั้งที่ยังไม่ถึงปี ขณะเดียวกันการเลือกตั้งซ่อมกับการเลือกตั้งใหญ่ก็อาจจะมีการมองที่ต่างกัน ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่จะมองภาพรวมว่าพรรคใดที่จะได้มาเป็นรัฐบาล ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมก็คงจะมีบ้างในส่วนประกอบของการที่จะต้องดูในรายละเอียดพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนพรรคเพื่อไทยก็น้อมรับกับผลการเลือกตั้งดังกล่าวที่ออกมา และพร้อมจะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ให้ดีที่สุดต่อไป

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนภาคอีสาน (สอส.) และสภาประชาชน 4 ภาค ที่ปักหลักชุมนุมด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ฝั่งถนนพระรามที่ 5 ริมคลองเปรมประชากร มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ให้ พล.ต.ท.ธวัช บุญเฟื่อง รักษาการเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับเรื่องไว้แล้ว และจะนำเรื่องกลับมาหารือ

กำลังโหลดความคิดเห็น