รองประธานาธิบดีจีนเยือนไทย 22 ธ.ค. เซ็นเอ็มโอยูความร่วมมือ 4 ด้าน รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระบบบริหารจัดการน้ำ พลังงานสะอาด การศึกษา-ทรัพยากรมนุษย์ ด้าน “ยิ่งลักษณ์” ไปพม่า เตรียมลงนามกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ทำทางด่วนสารสนเทศ-ลดผู้ติดเชื้อเอดส์
วันที่ 19 ธ.ค. นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายสี จิ้น ผิง รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 22-24 ธ.ค.เพื่อมาลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 4 สาขา กับกระทรวงการต่างประเทศ คือ 1.เรื่องรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เชื่อมประเทศลาว-ไทยและประเทศในอาเซียน 2.ระบบบริหารจัดการน้ำ 3.ความเข้าใจพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน และ 4.การศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงการลงนามร่างแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนระหว่างปี 2554-2556
ด้าน น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้มีการลงนามหนังสือรับรองในช่วงที่ สี จิ้นผิง เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในช่วงระหว่างวันที่ 22-24 ธ.ค.โดยทางฝ่ายจีนจะมอบหมายให้นายเฉิน เจี้ยน รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์เป็นผู้ลงนาม เกี่ยวกับหนังสือรับรอง ซึ่งจะเป็นการแสดงภาพลักษณ์ที่ดีของความสัมพันธ์ไทย-จีน และเป็นการขอบคุณไมตรีจิตระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ รมช.พาณิชย์ของจีนจะลงนามร่วมกับ น.ส.กฤษณา สีหรักษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายไทย ในหนังสือรับมอบ (Hand over Certificate) ตามที่รัฐบาลจีนได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสิ่งของบรรเทาทุกข์ (ทยอยจัดส่งหลายชุด)รวมมูลค่า 85 ล้านหยวน โดยหนังสือรับมอบนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องการบริจาคมอบความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ โดยฝ่ายจีนถือเป็นเอกสารที่แสดงว่าประเทศผู้รับบริจาคได้รับเงินและของเรียบร้อยแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่มีข้อขัดข้องในหลักการเนื่องจากเป็นเอกสารที่มีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการกับการรับมอบความช่วยเหลือ โดยรัฐบาลไทยไม่มีพันธกรณีใดๆ ตามหนังสือมอบดังกล่าว จึงเป็นเพียงหลักฐานทางการตามขั้นตอนการบริจาคมอบความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่แสดงว่าได้รับมอบระหว่างกันอย่างถูกต้องแล้ว จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ
“ปู” พา ครม.เยือนพม่า ลงนามเอ็มโอยู 2 ฉบับ
นางฐิติมาแถลงเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 19 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน จะเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขงครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค. ที่นครเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยการประชุมดังกล่าวจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเร่งรัดให้จัดโครงการทางด่วนสารสนเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 2 และ 2.การดำเนินการร่วมกันเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอดส์ ที่มีการเคลื่อนย้ายในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
นางฐิติมากล่าวว่า สำหรับภาคเอกชนจะมีการลงนามว่าด้วยการจัดตั้งสมาคมขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังจะสนับสนุนด้านการเงิน เช่น การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขง ช่วง จ.นครพนม-คำม่วน และการสร้างถนนเมียวดี แผนสำนักงานความร่วมมือเศรษฐกิจกับเพื่อนบ้าน ซึ่งมีวงเงิน 2 พันล้านบาท และด้านวิชาการ จะสนับสนุนให้มีสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย เพื่อสร้างเครือข่ายการทำงานระหว่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนให้มีพื้นที่ทางเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาใหม่ที่ทวาย-กาญจนบุรี และนครพนม-คำม่วน จากนั้นในวันที่ 20 ธ.ค.นายกฯ จะเดินทางไปนครย่างกุ้งเพื่อพบกับนางอองซานซูจี เพื่อไปเห็นบทบาทของนางอองซาน ซูจีในระบอบประชาธิปไตย ที่จะได้เข้าไปแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งต่อไป รวมทั้งการแนะนำตัวเพื่อให้รู้จักกัน และจะเดินทางกลับมาประเทศไทยในเวลา 20.00 น.วันที่ 20ธ.ค.