เพื่อไทยพ่าย เสียหายหลายแสน !!

เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด

00 เชื่อว่าคอการเมืองพอมองออกว่าผลจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 ปทุมฯเมื่อวันเสาร์ที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมาที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยคือ สมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ พ่ายแพ้แก่ผู้สมัครจากปชป.คือ กิตติศักดิ์ ส่องแสง แม้ว่าจะฉิวเฉียดเพียงสามพันกว่าคะแนนก็ตาม แต่ในความหมายทางการเมืองถือว่า “เสียหายหลายแสน” เพราะรู้กันอยู่ว่าพื้นที่ปทุมฯถือว่าเป็นพื้นที่คน “เสื้อแดงแจ๋” ราวกับว่าแม้เพื่อไทยส่ง “เสาไฟฟ้า” ลงเลือกตั้งก็ต้องชนะประมาณนั้น แต่เมื่อพ่ายแพ้มันก็ต้องวิเคราะห์กันตามความเป็นจริงว่ามาจากอะไรกันแน่ และจะพ่ายแพ้ในสนามอื่นอีกหรือไม่

00 เอาเรื่องปลีกย่อยก่อน จากเรื่องที่จู่ๆ สุเมธ ฤทธาคนี เกิดนึกสนุกขึ้นมาลาออกจาก ส.ส.เขต 5 เพื่อไปลงสมัคร นายกฯอบจ.ปทุมฯหน้าตาเฉย ทำราวกับว่าไม่เห็นพี่น้องชาวปทุมฯเขต 5 อยู่ในสายตา นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป ไม่สนใจว่ารัฐต้องเสียเงินเลือกตั้งซ่อมอีกเท่าใด คิดแต่ประโยชน์ตัวเอง

00 สอง ที่ผ่านมาช่วงน้ำท่วมก็ “ไม่เห็นหัว” ทั้ง ส.ส.และรัฐบาล ผ่านมามีแต่เรื่องช่วยเหลือ “พ่อแม้ว” ทั้งแก้ ร.ธน. และหาทางนิรโทษฯ ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านเดือดร้อนทั้งข้าวของแพง สินค้าเกษตรตกต่ำ ตั้งแต่นายกฯปูนิ่ม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เอาแต่ “ลอยไปลอยมา” และนี่ก็กำลังเดินหน้า “จูบปาก” กับอำมาตย์ อย่าว่าแต่ชาวบ้านทั่วไปเลย แม้แต่เสื้อแดงด้วยกันก็เซ็ง ดังนั้นต่อไปอีกไม่กี่วันก็ให้จับตาเลือกตั้งซ่อมเชียงใหม่ แทน ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ลูกสาว เจ๊แดง-ชายจืด ว่าผลออกมาอย่างไร เพราะงานนี้อาจถึงเวลา “สั่งสอน” เอาคืน พวกชินวัตร กินรวบนี้เสียที

00 คำว่าการเมืองแก้กันด้วยการเมือง หรือใช้สภาเป็นที่แก้ปัญหาของบ้านเมือง นั้นนาทีนี้เห็นภาพชัดแล้วว่ามันไม่จริง เป็นเพียงแค่วาทกรรมอำพรางแบบสวยหรูเท่านั้น เพราะเวลานี้ระบบการถ่วงดุลแบบรัฐบาลมัน “จบสิ้น” ไปนานแล้ว กลายเป็นว่าฝ่ายรัฐบาลกับสภาเสียงข้างมากเป็นพวกเดียวกัน หรือถ้าให้ตรงขึ้นไปอีกต้องบอกว่า สภาเป็น “ลูกน้อง” ของรัฐบาล และถ้าให้ตรงไปตรงมาให้เข้าใจก็คือ ทั้งรัฐบาล-สภา ล้วนแล้วแต่เป็นลูกน้องของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น ซึ่งไม่ต้องมาแก้ตัวให้เหม็นขี้ฟัน สังคมเขารับรู้กันไปทั่วแล้ว

00 การที่สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และส.ว.ฝ่าย ทักษิณ รวมหัวกันยืนกรานร่างของ ครม.ที่ให้คงจำนวน ส.ส.ร.จำนวน 99 คน เลือกจากแต่ละจังหวัด 77 คน จากรัฐสภาเลือกอีก 22 คน เสียงโหวตชนะขาด 316 ต่อ 134 เสียง เห็นแล้วหรือยังว่านี้คือการล็อกสเป็กขั้นต้นในการร่าง รธน.ตามใจฉัน ดังนั้นการขยายเวลาอภิปรายออกไปอีกวันสองวัน สำหรับผู้สงวนคำแปรญัตติ มันก็ไม่ต่างจากการบ้าน้ำลาย ไร้ประโยชน์เปลืองค่าน้ำค่าไฟ เพราะต่อให้อภิปรายกันอีกสักเดือนผลออกมาก็เหมือนเดิมตามที่ “ค้อนปลอม” สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รับงานมาตั้งธงเอาไว้แล้ว ทุด !!

00 การประกาศชุมนุมเสวนาวันเสาร์ที่ 21 เม.ย.ของกลุ่มอะไรไม่รู้ฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะมีหลายกลุ่มตั้งชื่อกันมาสารพัด แต่ที่ฟังแล้ว “ทะแม่ง” และ “เริ่มมั่ว” ก็คือเมื่อได้ยินชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่อ้างว่าจะมาร่วมงานดังกล่าว ที่หอประชุมสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต ไม่อยากขัดคอแต่ถ้าลองมีชื่อคนๆนี้เข้าไปเกี่ยวข้องเมื่อไหร่ “เป็นเละ” เมื่อนั้น

00 เมื่อคิดว่า การแก้ไข รธน.ควบคุมอยู่หมัด อีกไม่นานก็ต้องผ่านสภาจนนำไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ร.มาร่าง รธน.สนองตันหาแม้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เมื่อทุกอย่างเหมือนกับ “หมูในอวย” ก็ต้องเหิมเกริมรุกเปิดเกมใหม่ต่อ นั่นคือ พ.ร.บ.นิรโทษฯ(ปรองดอง) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักที่ต้องการอย่างเร่งด่วน และงานนี้ประกาศกันไปทั่วคุ้งน้ำแล้วว่า “เหลิม” จองแล้ว ใครห้ามยุ่ง ห้ามมาแบ่งความดีความชอบเป็นอันขาด ไม่งั้นมีเรื่องแน่

00 เวลานี้เริ่มเห็นรำไรแล้วว่า ด้วยเวลาที่ต้องรวบรัดให้เสร็จเร็ว มีแนวโน้มยอมตามแนวทางของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่เคยแย้มเอาไว้ว่ามีร่าง พ.ร.บ.เอาไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว จำนวนสั้น กระชับ แค่ 6 มาตรา แม้ไม่ได้บอกว่าครอบคลุมให้ ทักษิณ พ้นผิดหรือไม่ก็ตาม แต่ชัวร์อยู่แล้ว รับรองได้กันทุกคน แต่เป้าหมายอยู่ที่ แม้ว เป็นหลัก แหม มัน “เหลี่ยมจัด” จริงๆ อ้าว ก็ว่ากันไป ทนได้ก็ทนกันไป บางอย่างมันก็ต้องให้เวลาเรียนรู้ สรุปบทเรียนกันเอง ถ้าขืนไปขัดขวางบางทีกลายเป็นสร้างเงื่อนไข เพิ่มความสำคัญขึ้นไปอีก เหมือนกับที่พวก คมช.ที่ปฏิวัติหน่อมแน้มจนเครือข่าย ทักษิณ ใช้เงื่อนไขประชาธิปไตยหากินจนเติบใหญ่เวลานี้ไง แต่เชื่อเถอะ “สันดาน”คนเลวมันก็ต้องเลววันยังค่ำ หางก็ต้องโผล่ออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ยาวออกมาให้เห็นพอสมควรแล้ว

00 ลอยตัวก้นไม่ติดพื้นสบายตัวไปแล้ว สำหรับ “ปูนิ่ม” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เวลานี้กำลังเฉิดฉายโชว์โฉมอยู่ที่ จีนและกำลังล่องมาญี่ปุ่น(19-22 เม.ย.) หน้าฉากอ้างว่าตามกำหนดการประชุมระหว่างประเทศ ส่วนเนื้อหาสาระไม่ต้องไปถามถึง เพราะไม่มีอะไรอยู่ในหัวอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าก็คือแค่ “ไปให้พ้นสภา” เพื่อไม่ต้องรับผิดชอบในภายหน้าในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในฐานะเจ้าพนักงานออกกฎหมายช่วยเหลือพวกเดียวกัน มีผลประโยชน์ทับซ้อน อ้อ กลับมาแล้วอย่าลืมดูแลเรื่องค่าครองชีพที่พุ่งปรี๊ดด้วยละ ชาวบ้านเขาทวงถามมา !!