กลุ่มเรียกคืนอำนาจนักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน ยันจัดชุมนุมแน่ 21 เม.ย. หน้าสโมสรกองทัพบก เผยเข้าใจกองทัพที่คัดค้านการจัดงานในสโมสร ส่วน “จิ๋ว” มาร่วมหรือไม่ อยู่ที่สถานการณ์
ที่หน้ารัฐสภา วันนี้ (19 เม.ย.) กลุ่มเรียกคืนอำนาจนักการเมืองเนรคุณแผ่นดิน ประกอบด้วย สภาการวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (สวชพ.), สมาพันธ์พลเมืองฐานราก (สพฐ.) องค์การโอนอำนาจทรัพยากรใต้ดิน เพื่อสร้างสรรค์การปรองดองแห่งชาติ (อทพช.) องค์การทรัพยากรทางทะเล เพื่อสรางสรรค์การปรองดองแห่งชาติ (อททช.) ประมาณ 70 คน ได้ร่วมเรียกร้องและเชิญชวนให้ประชาชนรวมถึงนักการเมือง เข้าร่วมงานเสวนา “โอนอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน” ในวันที่ 21 เม.ย. ที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีฯ โดยจะมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาใหญ่ สวชพ.ร่วมเปิดในงานดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ มีการแจกแถลงการณ์ซึ่งระบุตอนหนึ่งว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาใหญ่ สวชพ.ได้ร่วมผนึกกำลังมวลชนเพื่อปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ทางประวัติศาสตร์ของชาติ ในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการประชุมสถาปนา “สภาโอนอำนาจรัฐแห่งชาติเพื่อสร้างสรรค์การปรองดอง อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ”
นายพายัพ ยังปักษี ในฐานะสมาพันธ์พลเมืองฐานราก (สพฐ.) กล่าวว่า กว่า 80 ปีที่ผ่านมาขณะนี้ประชาชนน่าจะรับรู้แล้วว่ารัฐไทยยังเป็นรัฐเผด็จการทางการเมืองโดยเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นมองในมุมเศรษฐศาสตร์ หรือการเมืองธรรมดา เพราะผลประโยชน์ชาติทั้งใต้ดิน บนดิน และอำนาจรัฐทั้งหลายลื่นไหลเข้าสู่ในมือนายทุนข้ามชาติในยุคโลกาภิวัตน์มากขึ้น เราต้องตระหนักแล้วว่าเรากำลังอยู่ในสงครามประชาชาติเศรษฐกิจ หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง เพราะฉะนั้น สมาพันธ์พลเมืองฐานรากร่วมกับ “สหธรรมิก 4” มีความเห็นว่าวันนี้คนไทย 60 กว่าล้านคน อย่าเป็นกบหกสิบกว่าล้านตัวอยู่ในหม้อต้มตายกันทั้งหม้อ วันนี้เราก้าวผ่านคำว่าการต่อสู้ทางการเมืองแเล้ว เราจะต้องต่อสู้ทางปัญญากับนายทุนข้ามชาติ เพราะฉะนั้นทางองค์กรถ่ายโอนอำนาจรัฐเห็นว่าเราจึงควรจัดระเบียบและทวงคืนทรัพยากรของชาติเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป
ด้าน นายบวร ยสินทร ตัวแทนกลุ่มราษฎรอาสาปกป้องสามสถาบัน กล่าวว่า เราเห็นด้วยกับแนวทางการถ่ายโอนอำนาจจากนักการเมืองที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่อันสมควร เราพบว่าระบบต่างๆ ทุกวันนี้นำมาสู่การได้มาซึ่งนักการเมืองที่ด้อยคุณภาพ ขาดจิตสาธารณะ เป็นน้ำเลว และบางคนก็ทำตัวถึงขั้นเนรคุณแผ่นดิน ดังนั้น ตนและทางกลุ่มจะเข้ามาร่วมจัดการชุมนุมในวันที่ 21 เม.ย.ที่สโมสรกองทัพบก แน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ทางกองทัพออกมาบอกว่าไม่ให้มีการจัดการชุมนุมทางการเมืองในบริเวณ สโมสรกองทัพบก ตรงนี้จะทำอย่างไร นายพายัพชี้แจงว่า ถ้าทางกลุ่มของเราทำหนังสือขออนุญาติกับกองทัพแล้วกองทัพบกอนุญาต กองทัพก็จะมีปัญหากับรัฐบาล แต่หากทางกองทัพปฏิเสธก็จะมีปัญหากับประชาชน ตรงนี้เราก็เห็นใจว่าปัญหาหนักหนาสาหัสของกองทัพ แต่ทางเราก็ขอยืนยันว่า วันที่ 21 เม.ย.นี้ทางกลุ่มจะมีการจัดชุมนุมขึ้นอย่างแน่นอน
นายรัฐเขต แจ้งจำรัส ตัวแทนกลุ่มองค์กรโอนอำนาจทรัพยากรใต้ดินเพื่อสร้างสรรค์การปรองดองแห่งชาติ (อททช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้มีการตรวจสอบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพลังงานในอดีตของประเทศไทยทั้งหมดปรากฏว่าหากเราไม่ส่งออกน้ำมันดิบแล้วนำมาใช้ในประเทศพบว่าน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานแล้วไม่ต้องนำเข้านำมันจากต่างประเทศ ตรงนี้เป็นคำยืนยันจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยเราสามาถรที่จะนำทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ก๊าซธรรมชาติ ก๊าซธรรมชาติเหลว และน้ำมันดิบมาผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ดีเซล เบนซิน และเอ็นจีวี แอลพีจี มาใช้ภายในประเทศได้เพียงพอ
ผลการตรวจสอบในชั้นอนุกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา พบว่า การบริหารงานของ ปตท.บกพร่องจนทำให้ผลผลิตมวลรวมของประเทศเสียหาย การนำ ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2544 นั้นไม่ได้เกิดประโยชน์กับประเทศแต่อย่างใดมิหนำซ้ำยังทำให้ความเสียหายเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจอย่างมาก ซ้ำยังมีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารโดยมีการแทรกแซงกระบวนการ สื่อมวลชนไม่ให้นำเสนอข้อเท็จจริงสู่ประชาชน เราจึงจำเป็นที่จะออกมาเปิดเผยความจริงต่อวิธีการที่จะทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงราคา 19 บาท เราจะทำให้ก๊าซแอลพีจีราคาเหลือลิตรละ 9 บาท เอ็นจีวี ราคาลิตรละ 8.50 บาทเหมือนเดิม และก๊าซหุงต้มถังละ 5 กิโลกรัมที่ใช้ในครัวเรือนเหลือราคาถังละ 150 บาท โดยวิธีการจะเปิดเผยในการชุมนุมในวันที่ 21 เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ จะเข้าร่วมหรือไม่ น.ต.ธนิต พรหมสถิตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ชวลิต ในฐานะที่ปรึกษาใหญ่ สวชพ. อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจำนวนผู้ชุมนุมในวันนั้นคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าแสนคนแน่นอน
