ทีมโฆษกเพื่อไทยเรียงหน้าอ้างผลโพลจี้ “ณัฏฐ์” แสดงความรับผิดชอบแอบดูภาพโป๊ลาออกจาก ส.ส. จวก ปชป.เอาแต่ปกป้อง “จิรายุ” ฉะ “สกลธี” แค่ลูกไม้ใต้ต้นเผด็จการ เสียดสีบุพการีหัวหอกผู้นำการรัฐประหาร พร้อมโต้ พท.เป็นพรรคของ ปชช. ไม่ใช่บริษัทของใคร
วันนี้ (22 เม.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าได้เปิดดูภาพอนาจารจากโทรศัพท์มือถือระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 นั้นว่า จากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลที่สำรวจความคิดเห็นของประชาชนกรณีที่มีภาพนิ่งของหญิงสาวที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดการประชุมร่วมรัฐสภา ปรากฏว่า ร้อยละ 49.72 ประชาชนเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดการอภิปราย เพราะมีคนดูทั่วประเทศทุกเพศทุกวัย เมื่อถามถึงกรณีที่นายณัฏฐ์อ้างว่ากำลังลบภาพอนาจารในโทรศัพท์นั้น ประชาชนร้อยละ 53.34 เห็นว่าฟังไม่ขึ้นและเป็นการแก้ตัวเพื่อรักษาชื่อเสียงของตนเองมากกว่า และร้อยละ 26.59 เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะควรให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องที่อภิปรายอยู่ รวมทั้งผลการสำรวจของเอแบคโพลล์ในกรณีเดียวกันนั้น ผลวิจัยพบว่า ประชาชนร้อยละ 85.3 รู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อรัฐสภา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า การที่นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่ออกมาปกป้องนายณัฏฐ์นั้น ผลการสำรวจของประชาชนดังกล่าวนี้ก็ถือว่าเป็นการตบหน้า โดยเฉพาะผู้ใหญ่ของพรรคที่ยังนิ่งอยู่ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ถือกฎเหล็กของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะประชาชนร้อยละ 58.5 ต้องการให้ ส.ส.ที่เปิดภาพอนาจารออกมาขอโทษต่อสาธารณะและแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก นี่คือประชามติของภาคประชาชนที่สะท้อนผ่านผลการสำรวจ เพราะเป็นความเสื่อมเสียต่อการกระทำของ ส.ส.ที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ออกมารับผิดชอบ อีกทั้งการตรวจสอบก็ไม่ใช่เรื่องยาก ตนได้จับข้อพิรุธของนายณัฏฐ์ที่อ้างว่าไม่ทราบว่าใครส่งภาพอนาจารมาให้ได้ เพราะเด็กหรือคนไม่มีความรู้ก็รู้ว่าใครส่งภาพมาก็มีเบอร์โชว์ที่โทรศัพท์ แต่วันนี้น่าสังเกตว่านายณัฏฐ์ยังปกปิดว่าใครส่งภาพมาให้ ตนมองว่าคนที่ส่งภาพมาให้น่าจะเป็นคนพิเศษ หรือเป็นคนรู้ใจ และเชื่อว่าน่าจะมีการส่งไปหลายคน ตนขอให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ช่วยตรวจสอบ รวมถึงนายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ต้องตรวจสอบว่าผู้ที่ส่งภาพมาให้นายณัฏฐ์เป็นใคร เพราะมีการปกปิดอย่างมีวาระซ่อนเร้นว่าจำไม่ได้คือใคร ทั้งที่เป็นโทรศัพท์ของนายณัฏฐ์เอง
“นายณัฏฐ์เป็น ส.ส.มีจริยธรรมของนักการเมืองกำกับอยู่ ผมจึงยอมไม่ได้ที่จะให้ผู้แทนปวงชนชาวไทยที่ในระหว่างประชุมร่วมรัฐสภามีการดำเนินการอย่างนี้ เพราะสร้างความอับอายไปทั่วโลก ผมถามว่านายณัฏฐ์นั้นมีคุณธรรมหรือไม่ และการตรวจสอบโทรศัพท์นั้น โทรศัพท์ทุกเครื่องมีเลขประจำเครื่องหรืออีมี ดังนั้น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) สามารถกู้ภาพได้ว่าส่งมาจากไหนและใครอย่างไร หากตรวจสอบพบว่าภาพดังกล่าวมาจากโทรศัพท์ยี่ห้อโอโฟน ส่งผลกระทบต่อระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐสภานั้นน่าจะเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ได้ ซึ่งผมจะทำรายละเอียดให้ สน.ดุสิตดำเนินการตรวจสอบว่าผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์หรือไม่ต่อไป หากนายณัฏฐ์ยังไม่แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก พรรคเพื่อไทยจะส่งปี๊บไปให้พรรคประชาธิปัตย์ 3 ใบ เพื่อให้นายอภิสิทธิ์ นายบัญญัติ และนายณัฏฐ์ คลุมหัว เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่” โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนรู้สึกผิดหวังต่อความคิดทางการเมืองของนายสกลธี ภัททิยกุล และไม่แปลกใจที่นายสกลธีสอบตก ซึ่งน่าจะเป็นเพราะประชาชนชาวหลักสี่ยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่บิดาของนายสกลธี คือ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เป็นหัวหอกสำคัญในการปฏิวัติรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญ และโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้บ้านเมืองแตกแยกมาจนถึงปัจจุบัน และน่าเสียดายว่าการที่นายสกลธีเข้ามาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นเวลานานพอสมควร ก็ไม่ได้ทำให้เลือดในตัวของนายสกลธีมีความเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
นายจิรายุกล่าวต่อว่า นายสกลธีรู้บ้างหรือไม่ว่า สาเหตุที่ทำให้ทุกวันนี้ ทุกคนในสภาต้องโต้เถียงกันเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเพราะปัญหาที่บิดาของนายสกลธีสร้างไว้ พรรคเพื่อไทยขอย้ำว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่เรื่องการแก้ปัญหาส่วนตัวให้ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง ที่จะต้องเป็นหลักในการสร้างกรอบกติกาที่เป็นธรรมให้สังคม เพื่อให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน เพราะพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคของประชาชน ไม่ได้เป็นบริษัทจำกัดของใคร อย่างที่นายสกลธีกล่าวหา แต่พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคมหาชน ที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนที่อุ้มชูเรา และมอบความไว้วางใจให้บริหารประเทศ แต่ก็อาจเป็นเรื่องที่ยากเกินไปที่นายสกลธีจะเข้าใจ เพราะนายสกลธีเป็นลูกไม้ที่หล่นใกล้ต้นเป็นอย่างมาก แต่เป็นต้นไม้เผด็จการ ไม่ใช่ต้นไม้ประชาธิปไตย นายสกลธีจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดประชาชนจึงไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ 50 และยอมเอาเลือดเนื้อเข้าแลกกับกระสุนปืนของทหารเพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีที่มาจากการรัฐประหาร ซึ่งบิดาของนายสกลธี มีส่วนร่วมในการยัดเยียดให้
นายจิรายุยังกล่าวต่อว่า ตนอยากทราบว่าที่นายสกลธีพยายามส่งสัญญาณเรื่องรัฐประหาร และพูดจาแขวะเรื่องการปรองดองนั้น อยากถามว่านายสกลธีพูดในนามรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หรือพูดในนามลูกชาย เลขาฯ คมช.กันแน่ หรือพูดในนามของทั้งสองกลุ่ม เพราะใครๆ ก็ยังไม่หายสงสัยว่าพรรคประชาธิปัตย์ และ คมช.เป็นเนื้อเดียวกันหรือไม่ ส่วนที่นายสกลธีกล่าวพาดพิงถึงท่านประธานองคมนตรี และกล่าวหาว่าเพื่อไทยไม่จริงใจกับการปรองดองนั้น ที่จริงแล้วประธานองคมนตรีเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง การที่หลายฝ่ายพยายามแสดงความเคารพต่อท่านก็เป็นเรื่องดี เหตุใดนายสกลธีจะต้องมาพูดจาเสี้ยมให้คนเข้าใจผิดกัน เหมือนไม่ได้รับการปลูกฝังให้เคารพผู้ใหญ่ และสังคมทราบดีว่าใครกันแน่ที่มีท่าทีไม่ปรองดอง ซึ่งไม่ใช่พรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน ส่วนที่เตือนว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเปลือยกายล่อนจ้อน เพราะรีบแก้รัฐธรรมนูญนั้น อยากให้นายสกลธีรีบไปบอกให้พรรคประชาธิปัตย์เร่งแก้ปัญหา ส.ส.ของพรรคดูคลิปผู้หญิงแก้ผ้าล่อนจ้อนในมือถือกลางสภาเสียก่อนจะดีกว่า