ประชาธิปัตย์ดาหน้าโต้เพื่อไทย ปัดตีรวนประชุมแก้ รธน.ซัดทำตามทักษิณสั่ง เร่งรีบจนผ้าหลุดล่อนจ้อน ฉะ “จิรายุ” รัฐบาลล้มเพราะตัวยิ่งลักษณ์ ไม่เกี่ยวฝ่ายตรงข้าม แนะอย่ามัวแต่ฝันหวาน ลงไปดูข้าวยากหมากแพงบ้าง ห่วงรดน้ำขอพร “ป๋าเปรม” โยงเรื่องปรองดอง กังขาทักษิณและพวกจริงจังหรือไม่ ด้าน “เจะอามิง” เหน็บแก๊งเพื่อไทยร้อง “ณัฏฐ์” ลาออก แนะถ้าสอบจริยธรรมต้องพ่วง “เหลิมเมารัก” พูดจาคุกคามรังสิมาด้วย
วันนี้ (22 เม.ย.) นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอด 6 วันที่ผ่านมา ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างประสานเสียงเพื่อสร้างวาทกรรมว่า พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้านได้อภิปรายตีรวนและยื้อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ จึงอยากเรียนชี้แจงว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายที่มีความสำคัญและมีสถานะสูงสุดของประเทศ การจะแก้ไขใดๆ ไม่ควรจะทำได้แบบง่ายดาย รวบรัดและรีบเร่งได้เหมือนข้อบังคับของบริษัทเอกชน จำเป็นต้องมีการอภิปรายชี้แจงแสดงความคิดเห็นกันอย่างละเอียดและรอบด้านเพื่อมิให้เป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยคงจะเคยชินกับการบริหารแบบบริษัทจำกัด ที่ลูกจ้างไม่ต้องใช้สติปัญญาคิดใดๆ ได้แต่ทำตามที่นายจ้างชี้นิ้วสั่ง ให้เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาเพื่อผลประโยชน์ของนายจ้างเท่านั้น จึงอยากขอให้พรรคเพื่อไทย อดทนอย่ารวบรัด เร่งรีบและร้อนรน จนแก้ผ้าผ่อนหลุดล่อนจ้อนให้ประชาชนเห็นไส้เห็นพุง อยากขอร้องให้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติจริงๆ โดยไม่ต้องรีบร้อนทำให้ทันเป็นของขวัญตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ประกาศจะกลับบ้านภายใน 3-4 เดือน
ส่วนการที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า ฝ่ายตรงข้ามมีการวางแผนจะใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การปรองดอง และ พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นเงื่อนไขในการล้มรัฐบาลนั้น นายสกลธีกล่าวว่า ก็เป็นการพยายามหาเรื่องมากลบเกลื่อนความล้มเหลวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการบริหารประเทศในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างๆ ที่สัญญาเอาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง แต่กลับทำไม่ได้ซักอย่าง หรือถ้าทำได้ก็มีขมวดท้ายไว้แบบศรีธนญชัย นายจิรายุคงจะเพิ่งตื่นจากฝันที่บอกว่า ภาพลักษณ์และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังไปได้สวย
“ถ้าว่างๆ แนะนำให้ลงพื้นที่ไปสำรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดดูบ้าง จะรู้ว่ามันแพงทั้งแผ่นดินจนพี่น้องประชาชนจะเอาไม่อยู่แล้ว อย่ามัวแต่เสวยสุขนั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ ส่วนภาพลักษณ์ของประเทศก็ดูแย่ในสายตาของต่างประเทศเพราะเขาคงมองว่า ประเทศอะไรก็ไม่รู้ พร้อมจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเผาบ้านเผาเมือง กลับผิดเป็นถูก หรือทำผิดไม่ต้องรับโทษเพื่อกิเลสของคนเพียงคนเดียว ถ้ารัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์จะล้มก็คงเป็นเพราะความห่วยและล้มเหลวของรัฐบาลเอง และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ความอยู่ไม่เป็นสุขของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ขยันสร้างเงื่อนไขไม่เว้นแต่ละวัน” นายสกลธีกล่าว
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายจิรายุระบุว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยยอมรับในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีจำหน่ายคำร้องที่ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยถูกยื่นถอดถอนนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทางพรรคเพื่อไทยจะได้ยอมรับผลวินิจฉัยทางคดีของกระบวนการยุติธรรมของไทยเสียที เพราะที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยมักจะกล่าวโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยเสมอมาด้วยวาทกรรม 2 มาตรฐานว่า พรรคพวกตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ถ้าจะให้ดีนายจิรายุควรจะไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณว่า ให้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีที่ได้รับโทษด้วย มิฉะนั้นคงจะแก้ข้อครหาได้ยากว่า ความยุติธรรมของพรรคเพื่อไทยจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อผลวินิจฉัยที่ออกมาเป็นคุณประโยชน์ต่อพรรคพวกตนเองเท่านั้น ถึงจะยอมรับได้ อะไรที่เป็นผลเสียก็มองว่าไม่ยุติธรรมกับตนเอง เรียกได้ว่าเป็นพวกเอาแต่ได้
อย่างไรก็ตาม นายสกลธีกล่าวอีกว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความเป็นห่วงต่อแนวความคิดเรื่องปรองดองของทางรัฐบาลเพื่อไทย กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะนำคณะรัฐมนตรีเข้ากราบรดน้ำอวยพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นับว่าเป็นเรื่องดีเพราะ พล.อ.เปรม เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นเรื่องน่าชื่นชมที่รู้จักสัมมาคารวะ แต่เป็นห่วงแนวความคิดและการสัมภาษณ์ของแกนนำเพื่อไทยหลายๆ ท่านว่า การเข้าคารวะรดน้ำดำหัว พล.อ.เปรมเป็นจุดเริ่มต้นของการปรองดอง พรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวังการแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยได้กล่าวไว้หลายวาระโอกาสว่า พล.อ.เปรมมิใช่คู่ขัดแย้ง ดังนั้นการโยงการรดน้ำ พล.อ.เปรมกับการปรองดอง ทำให้ดูเหมือนว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยกำลังตีสองหน้า ปากบอกว่าท่านไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่การกระทำทุกอย่างกลับส่อไปในทางนั้น ทำให้น่าสงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยจริงใจกับการปรองดองจริงหรือไม่
ด้าน นายเจะอามิง โตะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ลาออกกรณีเปิดดูภาพไม่เหมาะสมระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาว่า หากมีการเรียกร้องจริยธรรมเรื่องนี้ต้องมีการสอบจริยธรรมของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีด้วย ที่แสดงพฤติกรรมคล้ายคนเมาสุราในระหว่างการประชุมสภา อีกทั้งแสดงวาจาละเมิดสิทธิสตรี ต่อนางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานปรากฏชัดเจน แสดงถึงการไม่มีภาวะผู้นำ
“หากจะมีการตั้งกรรมการสอบ ต้องสอบเรื่องนี้ด้วยเพื่อไม่ให้ถูกครหาว่าปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ส่วนตัวมองว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากเมื่อมีเอสเอ็มเอสส่งเข้ามาก็ต้องเปิดดูตามปกติ หากจะดูจริงๆ เหตุใดไม่เปิดดูในห้องกาแฟ แต่นายณัฐ เป็นลูกผู้ชายพอที่กล้ายอมรับ และที่เป็นประเด็นจากพรรคเพื่อไทย เนื่องจากนายณัฏฐ์เป็นบุตรชายของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น” นายเจะอามิงกล่าว