xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” สงสัยคำวินิจฉัยศาล รธน.ยกคำร้องแจกถุงยังชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หน.ปชป.นำทีมลงพื้นที่แปดริ้ว สู้ศึกเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมือง หวังล้มตระกูลฉายแสง มึนศาล รธน.ยกคำร้อง 7 ส.ส.เพื่อไทย ปมถุงยังชีพ สงสัย รับรองให้ ส.ส.มีอำนาจอนุมัติ-เอาทรัพย์สินราชการไปใส่ชื่อตัวเองด้วยหรือไม่ หวั่นกระทบคดีที่ค้างใน ป.ป.ช.ห่วง เพื่อไทยกินรวบร่างกติกาสูงสุดของประเทศ เปิดช่องการเมืองแทรกแซง ส.ส.ร.

วันนี้ (20 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และคณะ เดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ช่วยนายชาลี เจริญสุข ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา หาเสียงวันสุดท้ายที่จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยขึ้นรถตระเวนแห่รอบเมืองได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้กล่าวกับประชาชนผ่านรถกระจายเสียงว่า เดินทางมาให้กำลังใจและช่วยนายชาลีซึ่งมีความตั้งใจที่จะทำงานให้แก่ประชาชน และหวังว่าชาวแปดริ้วจะร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดด้วยการให้โอกาสผู้สมัครของพรรคได้เข้าไปบริหารงาน

ด้าน นายชาลีกล่าวว่า หากได้รับโอกาสจากประชาชนจะบริหารงานด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต โดยที่ผ่านมาการเมืองท้องถิ่นไม่มีตัวเลือกให้ประชาชน ทำให้เกิดการผูกขาดการบริหาร จึงอาสาเข้ามาทำงานให้แก่ประชาชน มุ่งเน้นดูแลคุณภาพชีวิต ความปลอดภัยของประชาชน และเชื่อว่าประชาชนต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เคยเลือกผู้บริหารคนเดิมแล้วแต่ไม่มีการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับคู่แข่งของนายชาลีคือ นายกลยุทธ ฉายแสง น้องชายของนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งดำรงตำแหน่งยาวนานติดต่อกันมาแล้วถึง 12 ปี แต่ในการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ตระกูลฉายแสงสอบตกพ่ายแพ้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 2 เขต คือ เขต 1 น.ส.ฐิติมา ฉายแสง แพ้นายบุญเลิศ ไพรินทร์ และเขต 4 นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง แพ้ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีจำหน่ายคำร้องกรณีที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภาให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพความเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ใช้อำนาจหน้าที่ ส.ส.แจกถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ จ.พิษณุโลก โดยนำถุงยีงชีพของกระทรวงพลังงานไปแจกจ่าย ต่อมามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมตรีว่าการกระทรวงพลังงานในขณะนั้น ระบุว่าทั้งสองคนได้บีบให้ผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก ให้นำถุงยังชีพไปใป้แจกจ่ายจำนวน 500 ถุง ระหว่างเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554

โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การทำหน้าที่ของตนและ นพ.วรงค์ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่ตนเป็นผู้ร้อง พล.ต.อ.ประชา และ 6 ส.ส.เพื่อไทย ประกอบด้วย นายวรชัย เหมะ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, นายการุณ โหสกุล, นายสุรชาติ เทียนทอง, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง เนื่องจากตัวผู้ได้รับการแต่งตั้งไม่ทราบคำสั่งและมีการยกเลิกคำสั่งไปแล้ว ซึงคงต้องดูรายละเอียดว่าคำวินิจฉัยจะเป็นบรรทัดฐานการทำหน้าที่ต่อไปได้มากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำวินิจฉัยเช่นนี้จะทำให้ฝ่ายบริหารสามารถแต่งตั้ง ส.ส.เข้าไปทำงานบริหารโดยไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 265-266 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องไปดูรายละเอียดเพราะศาลชี้ว่าการแต่งตั้งเมื่อผู้ลงนามเห็นว่าอาจมีปัญหาข้อกฎหมายก็มีการยกเลิก และผู้ถูกแต่งตั้งไม่ได้ทราบเรื่อง ไม่มีการพูดถึงพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคงต้องดูรายละเอียดก่อน แต่ยังมีเรื่องค้างอยู่ที่ ป.ป.ช.ด้วย ตนจึงไม่แน่ใจว่าบรรทัดฐานจะเป็นอย่างไร เพราะกรณีที่มีการนำทรัพย์สินราชการไปทำให้เกิดความเข้าใจว่าเป็นของตนเองหรือพรรคการเมือง ตนไม่แน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้ศาลรัฐธรรมนูญรับรองว่าทำได้ด้วยหรือไม่ ซึ่งคงต้องดูคำวินิจฉ้ยให้ละเอียด เพราะยังสงสัยว่าคำวินิจฉัยของศาลจะรับรองว่าเอาทรัพย์สินราชการไปใส่ชื่อตัวเองได้ หรือ ส.ส.มีอำนาจในการอนุมัติได้นั้นก็จะทำให้เกิดความสับสนได้

เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยจะทำให้รัฐธรรมนูญทั้งสองมาตรากลายเป็นหมัน ไม่มีสภาพบังคับใช้ในทางปฏิบัติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ศาลเป็นผู้วินิจฉัยก็คงต้องดูรายละเอียดว่าเทียบเคียงกับกรณีใดสถานการณ์ใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตนการทำงานในเวลาที่เกิดภัยพิบัติก็ยึดถือตามแนวทางที่ปฏิบัติมา คือ สามารถประสานงานได้แต่ไม่ก้าวก่ายแทรกแซง และต้องไม่มีอำนาจในทางบริหาร ส่วนในแง่ของฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ หากมีกรณีใดที่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญก็ต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จากการอภิปรายในรัฐสภา คิดว่า กมธ.คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงร่างของตัวเอง ไม่ว่าสมาชิกจะให้เหตุผลที่มีน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีธงมาแล้ว ซึ่งตนก็เป็นห่วงและคิดว่าจะต้องอภิปรายมากหน่อยในเรื่องของกระบวนการการเลือกตั้ง ส.ส.ร. เพราะคำชี้แจงของ กมธ.ที่ระบุว่า รูปแบบ 77 บวก 22 เจตนารมณ์คือ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว จึงต้องดูว่าจะใช้กฎหมายใดมากำกับ เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ใช่คำตอบต้องเป็นกฎหมายเลือกตั้ง ส.ว.ซึ่งพรรคการเมืองไม่เข้าไปเกี่ยวข้องหรือมีกฎหมายเฉพาะมากกว่า แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตนก็เป็นห่วงว่ากติกาสูงสุดที่กำลังจะร่างใหม่ว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้ง เพราะเหมือนกับมีความจงใจออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลตามที่ตัวเองต้องการอย่างเดียว

ส่วนกรณีที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะประธาน ปคอป. เตรียมผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่าจะมีการร่างกฎหมายอย่างไร แต่กระบวนการปรองดองที่ทุกฝ่ายเสนอในขณะนี้ไม่มีใครพูดถึงว่าต้องออกกฎหมายแต่ต้องไปรับฟังความเห็นในประเด็นต่างๆ ก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น