สืบงบฯ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก พบปล่อยกู้ “กรรมการ-กิจการเกี่ยวข้อง” โดยไม่ต้องทำสัญญา ไม่คิดดอดเบี้ย ด้าน “วิชิต แย้มบุญเรือง” ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ได้ปล่อยกู้สวนทางบันทึกผู้สอบบัญชี โยนกลองค่าลิขสิทธิ์-สปอนเซอร์ 200 ล้านอยู่บัญชีสมาคมฟุตบอล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศราได้ตรวจสอบรายละเอียดงบดุลบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก หลังจากสังคมตั้งคำถามอย่างหนักเกี่ยวกับเม็ดเงินจำนวนกว่า 200 ล้านบาท ที่บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก เคยประกาศว่ามีรายได้จากเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์จำนวนมาก และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าในเอกสารงบดุลแสดงผลประกอบการ ปี 2553 กลับแจ้งว่า มีรายได้เพียงแค่ 19,082,602.50 บาท อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากไม่ปรากฏตัวเลขเงินจำนวน 200 ล้านบาท ตามที่มีการเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้แล้ว ยังพบงบดุลการดำเนินกิจการบริษัททุกปี มีการระบุถึงรายการเงินให้กู้ยืมกับกรรมการ และกิจการที่เกี่ยวข้องกัน จำนวนหลายล้านบาทไว้ ดังนี้
- ปี 2551 มีการระบุรายการเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกัน จำนวน 4,918,459 บาท ขณะที่บริษัทฯ แจ้งว่า ไม่มีรายได้ มีค่าใช้จ่าย 312,604 บาท ขาดทุนสุทธิ 312,604 บาท โดยผู้สอบบัญชี ระบุในหมายเหตุงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ว่า “เป็นเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการของบริษัท ไม่มีการทำสัญญาระหว่างกัน และไม่มีการคิดดอกเบี้ย กำหนดจ่ายชำระคืนเมื่อทวงถาม” ปล่อยกรรมการกู้โดยไม่ต้องทำสัญญา
- ปี 2552 มีการระบุเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กรรมการ จำนวน 1,093,331.69 บาท และเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กิจการอื่น 2,800,000 บาท รวมเป็นเงิน 3,893,331,69 บาท ขณะที่บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้รวม 11,530,137.79 บาท มีค่าใช้จ่ายรวม 8,146,475.65 บาท รวมกำไรสุทธิ 2,569,293.12 บาท
ผู้สอบบัญชีระบุ ในหมายเหตุงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 และ 2551 ว่า เงินให้กู้ยืมระยะสั้น แก่กรรมการ บริษัทฯ มีข้อตกลงในการคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.50 ต่อปี ส่วนเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กิจการอื่น บริษัทฯ ไม่มีข้อตกลงในการคิดดอกเบี้ย กับกิจการอื่น”
- ปี 2553 มีการระบุเงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่กรรมการ จำนวน 1,393,331.69 บาท และเงินให้กู้ยืมระยะสั้น แก่กิจการอื่น 700,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,093,331.69 บาท ขณะที่บริษัทฯ แจ้งว่า มีรายได้รวม 19,082,602.50 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ คิดเป็นรายได้ค่าโฆษณา 84.63% มีค่าใช้จ่ายรวม 15,396,195.89 บาท มีกำไรสุทธิ 2,391,325.22 บาท
ผู้สอบบัญชีระบุในหมายเหตุงบการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2553 และ 2552 ว่า เงินให้กู้ยืมระยะสั้นแก่ กรรมการ และกิจการอื่น บริษัทฯ ไม่มีข้อตกลงในการคิดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี นายวิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีการปล่อยเงินกู้ให้กรรมการบริษัท ว่า “ไม่มีหรอก...จะมาเปิดเผยอะไรกัน ทำให้มันวุ่นวายกันไปใหญ่ มันไม่มีอะไรผิดหรอกครับ ถ้ามีอะไรผิดเขาก็ไม่ให้เราทำ นานแล้ว”
เมื่อถามว่า แต่ในงบดุลบริษัทฯ ระบุเรื่องการปล่อยกู้เงินให้กรรมการ รวมถึงกิจการที่เกี่ยวข้องด้วย นายวิชิต กล่าวด้วยเสียงหงุดหงิด ว่า “ไม่มีอะ..กิจการไหนเกี่ยวข้องอะ เขาอยากจะเปิดอะไรก็เปิดไป ถ้ามันมีอะไรผิดเขา ก็คงจับติดคุกเท่านั้นเอง ผมไม่รู้เหมือนกันเรื่องนี้ ฝ่ายบัญชีเขาจะทำก็ทำไป”
นายวิชิตยังกล่าวถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ และเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ จำนวน 200 ล้านบาท ว่า เงินจำนวนนี้ มีอยู่จริง แต่อยู่ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไม่ได้อยู่ที่บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีกฯ “เรื่องเงินนี่ พูดไปเท่าไรก็ไม่ยอมเข้าใจกัน จะไปเปิดทำไม ...รู้กันอยู่แล้ว ไม่ยอมเชื่อไม่ยอมฟังกันนะ ดันทุรังกัน อย่าไปยุ่งกับมันเลย เขาบอกสองร้อยก็สองร้อย ถ้าไม่เชื่อก็อย่ามาเล่น บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ก็ชี้แจงไปแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ก็เลิกๆ กันไป ผมก็ขี้เกียจ รำคาญ”
เมื่อถามว่าข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอล ที่ทำไว้กับสยามสปอร์ตเป็นอย่างไร นายวิชิตกล่าวว่า “ก็เราให้เขาเป็นคนมาเก็ตติ้งให้เรา สมาคมฟุตบอลมอบมาตั้งนานแล้ว ทำมาตั้งนานไม่มีปัญหาอะไรเลย ปีแรกไม่ได้งบ ปีสองก็ได้กันทีมละสองล้านห้า ปีที่สามก็ได้สี่ล้าน หมดไปแล้วเกือบร้อยล้าน ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะเอาอะไรกันหนักหนา”
เมื่อถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น คิดว่ามาจากเรื่องการเมืองหรือไม่ นายวิชิตกล่าวย้ำสั้นๆ ว่า การเมือง ส่วนสาเหตุมาจากอะไรตนไม่ทราบ ไม่พอใจอะไรกันก็พยายามจะไปทำอะไรกันให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบที่เป็นอยู่นี้ และก็เหนื่อยที่จะต้องมานั่งตอบคำถามเรื่องแบบนี้แล้ว