รายงานการเมือง
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีได้โอกาสหลบไปพักร้อนยาวๆ ที่มีกำหนดการเดินทางไปเยือนประเทศจีน และญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 17-22 เมษายน
เป็นโอกาสได้ไปแอ็กอาร์ตโชว์ความสวย ตามรูปแบบที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจ ไปประเทศไหนก็อาสาเป็นซูเปอร์โมเดลการแต่งกายประจำประเทศนั้นๆ ล่าสุดใส่ชุดประเทศจีน ภาพออกมาดูดีเซ็กซี่ไปอีกแบบ ความสวยกลายเป็นดาบสองคมสยบทุกอย่าง รวมไปถึงการทำงานของ “ยิ่งลักษณ์” แทบจะไม่มีคนพูดถึงมากนัก นอกจากความสวยเพียงอย่างเดียว..ฮ่วย!!
ช่วงนี้ประเด็นข่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก-นายกรัฐมนตรีเมืองไทยตัวจริง ร้อนแรงอยู่บนหน้าสื่อ ยิ่งเจ้าตัวออกมาประกาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงความรู้สึกในจิตใจว่าอยากจะข้ามน้ำข้ามทะเลกลับประเทศมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดีกรีเกมการเมืองก็ระอุขึ้นเป็นลำดับ
แน่นอนว่าหลายคำถามย่อมถูกยิงสลุตไปที่ “ยิ่งลักษณ์” ซึ่งเจ้าตัวไม่อยากตอบเรื่องนี้ เพราะเสี่ยงโดนด่า โดนจับประเด็นไปเล่นเกมการเมือง เห็นได้ชัดจากกรณีล่าสุดก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เมื่อเจอคำถามเหล่านั้นเดินหนีทันที วันนี้เมื่อไปต่างประเทศ ก็สบายตัวแฮไม่ต้องปั้นหน้าตอบคำถาม หรือออกอาการเหวี่ยงเดินหนีไปดื้อๆ อย่างเคย!!
อย่างไรก็ดี การเดินทางออกจากประเทศไทยยาวนานหลายวันเช่นนี้ มันทำให้อะไรต่างๆ ในประเทศ เกิดภาวะ “สุญญากาศ”
ต้องจับตาดูว่าจะมียุทธศาสตร์หมกเม็ด ซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ จะมีการเดินเกมทางการเมืองสุ่มเสี่ยงใดๆ โดยกันตัว “ยิ่งลักษณ์” ออกไปนอกกระดานชั่วคราวหรือเปล่า
คล้ายเหตุการณ์ที่สังคมจับได้ไล่ทันก่อนหน้านี้ ที่ “ยิ่งลักษณ์” ชิ่งไม่เข้าร่วมประชุม ครม.ดื้อๆ โดยอ้างว่ากลับจากต่างจังหวัดไม่ทัน สุดท้ายก็แอบสอดไส้แบบลับๆ เสนอเรื่องการอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นหัวหอกเดินเกม แต่การณ์ไม่เป็นไปดังคิด ถูกดักทางจับไต๋ได้จนเรื่องแดงแจ๋ ต้องพับแผนไปชนิดหน้าแตกแหกเป็นริ้ว
ชั่วโมงนี้เรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่ในรัฐสภา การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ชักเย่ออภิปรายลากยาวกันอยู่ระหว่างฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน โดยมีวุฒิสภานั่งมองด้วยความเอือมระอา ยังเป็นหนังม้วนยาว อีกนานกว่าจะจบ
ว่ากันตามความจริงแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา “ยิ่งลักษณ์” ไม่เคยให้ความสำคัญกับเวทีสภาเท่าที่ควร ถอดแบบมาจากพี่ชายตัวเองอย่างไงอย่างงั้น
จะบอกว่าไม่อยากเล่นเกมการเมือง อยากบริหารบ้านเมืองเป็นหลักก็ใช่ที่ เพราะใช่ว่าคิดแบบนั้นแล้วไม่ต้องมานั่งอยู่ในสภา ยิ่งเป็นกาารแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวดที่คนระดับนายกรัฐมนตรีควรใส่ใจให้ความสำคัญ ไม่ใช่เอาแต่โยนเป็นเรื่องสภา อ้างคำเดียว “ธุระไม่ใช่”
งานฝ่ายนิติบัญญัติถือเป็นภาระที่หนัก และต้องให้ความสำคัญตามระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา หลายเรื่องราวต้องยึดหลัก อิงเกณฑ์วิชาการ เสียงส่วนมากต้องรับฟังเสียงส่วนน้อย ไม่ใช่นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป มันเหมือนดูถูกไม่ให้เกียรติกัน
กระทู้สด กระทู้แห้ง ไม่เคยเห็นสนใจใคร่ตอบ “ยิ่งลักษณ์” ถือว่าสอบตกสิ้นเชิงในงานสภา กรณี ว.5 ณ โฟร์ซีซั่นส์อันฉาวโฉ่ ก็ติ๊ดชิ่งเปิดตูดหนีไม่เคยมาตอบแบบจะจะจังๆ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องของตัวเอง ให้ใครอื่นมาตอบแทนไม่ได้ ถ้าเป็นต่างประเทศป่านนี้โดนเล่นงานจนอยู่ไม่ได้แล้ว ถือว่าทำผิดร้ายแรงที่ไม่มาตอบ คิดว่าเป็นผู้ชนะเลือกตั้งแล้วไม่ฟังผู้แพ้ไม่ได้ แต่ “ยิ่งลักษณ์” ไม่สน
วันนี้ “ยิ่งลักษณ์” ไม่อยู่ปล่อยให้ลิ่วล้อ สมุน นายใหญ่ออกงิ้วกันเต็มที่ เกมในสภาก็ปล่อยให้ว่ากันไปจนสาแก่ใจ อยากทำอะไรก็ทำไป ส่งผลบสรุปมาให้ก็พอ เดี๋ยวจัดการขั้นสุดท้าย เล่นกันง่ายๆ แค่นี้แหละ
ชั่วโมงนี้นอกจากเกมในสภาแล้ว ก็ยังมีประเด็นการพา “ทักษิณ” กลับบ้านนี่แหละ ที่ “ยิ่งลักษณ์” เปิดไฟเขียวให้พล่ามกันเต็มที่ ยิ่งวันนี้ไม่อยู่ ลิ่วล้อจอมสอพลอก็ออกมาโพนทะนาสร้างราคาตัวเองกันหนักข้อขึ้น แย่งชิงการนำกลับ เอาหน้าเอาคะแนนกันอย่างไร้ยางอาย แย่งกันพานักโทษหลบหนีคดีกลับบ้านชนิดไม่มีความผิด ใช้อำนาจเสียงข้างมากลากไป
ฟอกดำให้เป็นขาว จนสะอาดหมดจด...
ยิ่งนับวัน ยิ่งพูดกันมาก ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าเอาแน่ พ.ร.บ.ปรองดอง อ้างชื่อสวยหรู จะปรองดองสมานฉันท์ แต่ข้างในเนื้อหาแก้ข้อหา ล้างผิดให้ “ทักษิณ” บางคนให้เร็ว บางคนให้ช้า แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน พูดกันชัดๆ เลิกอายกันแล้ว..
แต่คนที่ดูเหนียมๆ อายๆ กลับกลายเป็น “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลความมั่นคง ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รู้ตัวดีว่าถ้าตัวเองไปพบ “ทักษิณ” ภาพเป็นข่าวใหญ่โต ย่อมสุ่มเสี่ยงถูกเล่นแง่โจมตี และโดนเล่นงานตามกฎหมาย ในฐานะผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจับกุมตัวนักโทษ เพราะคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณถึงที่สุดแล้ว...
ไปไม่ได้แต่อยากไปใจจะขาด!! เมื่อเห็นลิ่วล้อจอมสอพลอรายอื่นๆ ออกมารับลูกชงประเด็นพานายใหญ่กลับบ้านกันเอิกเกริก ก็เกิดอาการ “ของขึ้น” แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เหมือนโดนฉกผลงาน แย่งซีนชุบมือเปิบ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาเจ้าตัวเป็นหน่วยหน้าท้ากระแส ประกาศพานายใหญ่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อครั้งช่วงหาเสียงสมัยพรรคพลังประชาชนนู่นแล้ว และก็หยิบจับประเด็นนี้มาตีกินตลอด
เรื่องเสนอแนวทางปรองดองมีหรือที่ตัวเองจะตกขบวน พูดแบบปล่อยของทีละนิด ว่าตัวเองทำไว้เบ็ดเสร็จแล้ว รอจังหวะเหมาะแล้วค่อยเปิด แพลมเนื้อหาว่าทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่หมด ตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหาร กันยายน 2549 ต้องล้างน้ำ ล้มกระดานนับหนึ่งใหม่หมด แน่นอนว่านายใหญ่ต้องได้อานิสงส์ ถึงขนาดนินทากันให้แซ่ดว่าไปเพ็ดทูลเอาใจนายใหญ่ถึงต่างประเทศหลายครั้งหลายหน
บรรดาลิ่วล้อสมุนหน้าเหลี่ยม ตอนนี้เริ่มออกมาพูดพล่ามกันแบบเลิกอาย ด้วยสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมาเองว่าบรรยากาศปรองดองเริ่มมาแล้ว เหมาะแล้วที่จะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเสียที หลังจากพร่ำพูดเรื่องนี้กันมานาน
แต่มันอาจจะเป็นหลักคิดที่ไร้ความรอบคอบ ตรวจสอบกระแสสังคมไม่รอบด้าน ความผิดของพ.ต.ท.ทักษิณหลายสิ่งหลายอย่างล้วนยังไม่ได้รับการชี้แจงสะสาง ไม่นับรวมคดีที่ดินรัชดาที่ตัดสินจำคุกไปแล้ว เมื่อยังมีปมคาใจใครหลายคน อยากให้พิสูจน์ข้อเท็จจริง แต่กลับจะมีการล้มกระดานกันใหม่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ระวังไว้หน่อยเถิดว่าคลื่นใต้น้ำ อาฟเตอร์ช็อกจะลุกลามมาแบบไม่ทันตั้งตัว.. สึนามิการเมืองอาจกลับมาถล่มเพื่อไทยอีกครั้ง เช่นเดียวกับไทยรักไทย