รักษาการโฆษกรัฐบาล เหน็บ “อภิสิทธิ์” อย่าเป็นคู่แข่ง “เด็กชายปลาบู่” ทำนายจะเกิดคลื่นสึมามิทางการเมือง เรื่องปรองดอง และแก้ รธน. เรียกร้องร่วมปรองดอง อย่าพูดแต่ปาก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน ออกมาทำนายก่อนสงกรานต์ว่าจะเกิดคลื่นสึนามิทางการเมือง 2 คลื่น คือ คลื่นปรองดอง และคลื่นรัฐธรรมนูญว่า ตอนแรกก็ยังงงๆ กับคำทำนายของนายอภิสิทธิ์ ที่คิดจะแข่งกับเด็กชายปลาบู่ เลยอยากจะขอให้นายอภิสิทธิ์ใจเย็นๆ เพราะไม่มีคลื่นสึนามิอะไรแบบนั้น ถ้าจะมีก็คงมีแต่คลื่นความแค้น กับคลื่นความอิจฉาริษยาของคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งทำให้เห็นท่าทีของนายอภิสิทธิ์ชัดเจนว่าสงกรานต์ปีก่อนแทนที่จะสาดน้ำเล่นกับประชาชน แต่กลับไปมีส่วนให้คนสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการสาดกระสุนใส่ประชาชน และตนคิดว่าตราบใดที่นายอภิสิทธิ์และพลพรรคยังไม่หยุดสาดความร้อนใส่ประเทศอย่างนี้ ประเทศไทยก็คงไม่สามารถก้าวออกจากความขัดแย้งได้
“หลังเทศกาลสงกรานต์ ผมอยากขอให้ทุกฝ่ายมุ่งเข้าสู่ความปรองดอง แต่เมื่อเจอแบบนี้ก็ต้องขอฝากผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ช่วยออกมาตบปากสั่งสอนเสียที ไม่มีหรอก 4 วิบัติ อะไรนั่น ลามปามผู้หลักผู้ใหญ่เขาเปล่าๆ ถ้าจะมีก็แค่วิบัติเดียว คือ พรรคประชาธิปัตย์วิบัติแน่ ถ้าไม่หยุดพฤติกรรมแบบนี้ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว นายอภิสิทธิ์ไม่เคยคิดจะปรองดองกับใครจริงๆ ทั้งที่มีโอกาส วันแรกที่เป็นนายกฯ แม้จะประกาศทันทีว่าจะสร้างปรองดอง แต่ไม่เห็นมีความพยายามที่เป็นรูปธรรมใดๆ ไปตั้งคณะทำงานศึกษาแนวทางปรองดอง ผลศึกษาออกมา 6 ข้อ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยนำเอาข้อเสนอไปดำเนินการ จนเมื่อถึงคราวที่จะเลือกตั้งใหม่ก็เสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ 2 มาตราที่คิดว่าตนจะได้ประโยชน์ ส่วนข้ออื่นๆ ไม่ทำ และนำไปสู่การล้อมปราบ สลายการชุมนุมของประชาชน ก็ไปตั้งคณะกรรมการขึ้น 3 คณะ มีนายอานันท์ ปันยารชุน นายแพทย์ประเวศ วสี และนายคณิต ณ นคร ศึกษาแนวทางเรื่องการปรองดองอีก แต่ข้อเสนอแนวทางปรองดองไหนๆ ของทั้ง 3 ท่านที่เสนอ แทบไม่เคยรับไปปฏิบัติ จนยุบสภาไปเฉยๆ เพราะคิดว่ากติกาที่แก้ไปจะชนะ สุดท้ายก็แพ้ไปเป็นผู้นำฝ่ายค้าน”
นายอนุสรณ์กล่าวว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียอีก ที่เมื่อเป็นรัฐบาลก็ประกาศเรื่องปรองดอง แล้วก็ไปหยิบข้อเสนอของชุดนายคณิตไปปฏิบัติ อย่างเรื่องเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม แต่นายอภิสิทธิ์กลับไม่เห็นด้วยในสิ่งที่คณะกรรมการที่ตัวเองตั้งมากับมือ หรือที่ไม่เห็นด้วยกับผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้า ที่ พล.อ.สนธิประธานคณะกรรมการปรองดองคนล่าสุด ได้ให้เป็นผู้ศึกษาแนวทางการปรองดอง พากันไปข่มขู่ล้อมกรอบประธาน และพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สถาบันพระปกเกล้าถอดผลการวิจัยออกไป ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าใครกันแน่ปรองดองแต่ปาก ใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้ง แล้วยังส่งลิ่วล้อมาตีกินกับชาวบ้านอีกว่าพรรคจะต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย เพื่อปกป้องระบบนิติรัฐ นิติธรรม แล้วแนวทางที่ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยการใช้ตุลาการภิวัฒน์ ตัดสินคดีโดย คตส. ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร แล้วรวมพลงูเห่า ไปเกี้ยเซี้ยตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร พอเห็นท่าจะแพ้ก็วอล์กเอาต์ บอยคอต ขึ้นป้ายต่อต้านรัฐบาล