ผู้ตรวจการแผ่นดินยันท้วงแก้รัฐธรรมนูญส่อขัดกฎหมายตามหน้าที่เหมือนจิ้งจกร้องทัก ระบุยิ่งรีบยิ่งผูกปมยิ่งขัดแย้ง เมินเสียงข้างมากไม่ฟัง บอกถ้าทำไม่ถูกก็ต้องรับผิดชอบเอา ชี้ช่องชงศาลรัฐธรรมนูญตีความได้หลังร่างฉบับสมบูรณ์เสร็จ เผยบรรยากาศชาติยังไม่ปรองดอง หนุนสานเสวนา แต่ค้านทำขัด กม. ชี้ถ้ายึดแค่ “หลักกู” จบเห่
วันนี้ (15 เม.ย.) นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ กรณีข้อท้วงติงที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอต่อรัฐสภาระบุการแก้ไขอาจขัดรัฐธรรมนูญว่า ตนยืนยันว่าทำตามหน้าที่ในฐานะคนกลาง ไม่ได้ต้องการจ้องจับผิดทุกประเด็น แต่ดูประเด็นสำคัญที่มีผลกระทบ นอกจากนี้ เห็นว่าการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภาวาระ 2 เป็นเพียงการโต้เถียง เนื้อหาสาระมีน้อย ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น ทั้งนี้หากดำเนินการให้เกิดปัญหาไม่ใช่ผลดี เพราะจะยิ่งผูกปมให้หนักขึ้นไม่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง และถ้าดึงดัน ทำให้เร็ว แต่เสร็จแล้วจะทำให้เกิดปัญหาเอาแพ้เอาชนะก็จะยิ่งมีความขัดแย้งมากขึ้น และคงไม่สามารถนำไปสู่ความปรองดองได้
เมื่อถามถึงกรณีเสียงข้างมากอาจไม่รับฟังข้อท้วงติงของผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชากล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรา แต่หากทำไม่ถูกขั้นตอน คนที่ดำเนินการก็ต้องรับผิดชอบเอง ทั้งนี้ หากมีใครเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญก็สามารถยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ แต่ถ้าส่งเป็นร่างแก้ไข ในช่วงนี้ศาลอาจยังไม่รับวินิจฉัย แต่หากเสร็จเป็นร่างสมบูรณ์ก่อนทำประชามติก็สามารถทำได้
“เรามีหน้าที่เป็นจิ้งจกทัก ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ว่า แต่ท่านไปเสี่ยงภัยเอาเองว่าต่อไปจะถูกร้องเรียนอะไรยังไง เราอยู่นอกอำนาจที่จะไปดูแลควบคุม เพราะไม่ใช่องค์กรควบคุม แต่เป็นองค์กรเสริม ไม่ได้ไล่จับผิดทุกประเด็น แต่ดูประเด็นที่สำคัญ และมีผลกระทบต่อสภาพปัจจุบัน กระทบต่อการร่างรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านทุกเรื่อง ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เรามีอำนาจแค่เสนอ” นายศรีราชากล่าว
ผู้ตรวจการแผ่นดินยังกล่าวถึงการเดินหน้าเรื่องความปรองดองว่า หากพิจารณาตามพื้นฐานของสังคมปัจจุบัน เชื่อว่าจะเกิดความปรองดองได้ยาก ซึ่งแนวคิดจัดทำ พ.ร.บ.ปรองดองอาจสะท้อนเจตนารมณ์ของผู้ร่าง แต่บรรยากาศขณะนี้ยังไม่นำไปสู่ความปรองดอง ทั้งนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีหากมีการเดินหน้าสานเสวนารับฟังความเห็นนำไปสู่แนวทางปรองดอง เพราะอาจช่วยลดความขัดแย้งในสังคมลงไปได้ แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินการทุกอย่างต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ต้องยึดหลักการ หลักนิติธรรมเพราะถ้าคิดแต่จะเอาผิดเป็นถูก ความปรองดองคงไม่เกิดขึ้นได้
“ถ้าประเทศยึดแต่หลักกูก็จบ เพราะถ้าจะยึดตัวกูของกู เอาตัวกูเป็นใหญ่ มีอำนาจ ก็จบ ไม่ต้องมาอ้างประชาธิปไตยบังหน้า เพราะความปรองดองคงเป็นไปได้ยากถ้าไม่เป็นกลาง ไม่ถูกต้อง ไม่ยึดหลักการ หลักนิติธรรม และถ้าจะปรองดองต้องตามใจกูอย่างเดียว คงไม่ได้ เพราะหากต้องการอย่างนั้นจุดปรองดองจะเกิดขึ้นได้คงต้องแตกหักและมีความพ่ายแพ้ ประเทศป่นปี้ก่อน บางคนอ้าง 65 ล้านคนเห็นด้วย แต่ก็ยังมีบางคนเขาไม่เห็นด้วย เมื่อนำเรื่องเสียงสนับสนุนมาพูด ยิ่งจะตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น” นายศรีราชากล่าว
เมื่อถามว่า หากส่วนคีย์แมนคนสำคัญได้พูดคุยกันจะทำให้บรรยากาศปรองดองเกิดขึ้นได้หรือไม่ นายศรีราชากล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะพูดคุยในฐานะอะไร ในฐานะตัวแทนของใครหรือไม่ พร้อมเห็นว่าต้องยึดหลักการความถูกต้องเพียงอย่างเดียวจึงจะปรองดองได้