โฆษก รบ.โต้ “กรณ์” อย่าเพิ่งวิจารณ์โชวห่วยร้านถูกใจ แค่เริ่มต้น

โฆษกรัฐบาลแก้ต่างอดีต รมว.คลังโจมตีแพงทั้งแผ่นดิน ยกมติ ครม.ปรับฐานเงินเดือน ขรก.ภายใน 2 ปีมากลบ มั่นใจน้ำมันปาล์มไม่ขาดตลาด ขอเวลาอย่าวิจารณ์โชวห่วย ร้านถูกใจไม่ประสบความสำเร็จเหตุเพิ่งเริ่ม

วันนี้ (13 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวโจมตีรัฐบาลว่าไม่สามารถแก้ปัญหาของแพงได้ และอ้างว่าโครงการขายสินค้าสินค้าราคาถูกของพรรคประชาธิปัตย์ประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน และยังระบุว่าค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น แต่รายได้ไม่ขึ้นว่า รายได้ของข้าราชการแรกเข้าทำงานวุฒิปริญญาตรี 15,000 บาทต่อเดือนนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นการปรับโครงสร้างเงินเดือนของผู้จบปริญญาตรี ระดับปริญญาโท และปริญญาเอกที่ทำงานแล้ว เพื่อให้เงินเดือนมีความสอดคล้องกัน ทั้งนี้ ที่ไม่ได้ปรับขึ้นพร้อมกันเพราะต้องจัดสรรงบประมาณไปใช้แก้ปัญหาด้านอื่นด้วย โดยหากปรับฐานเงินเดือนทั้งระบบต้องใช้งบประมาณถึง 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการใช้วิธีจ่ายเงินเพิ่มพิเศษไปก่อนแล้วจึงทยอยปรับฐานเงินเดือนภายใน 2 ปี จะประหยัดงบประมาณลงไปได้มาก ตนยืนยันว่าข้าราชการในทุกระดับจะได้รับการปรับโครงสร้างให้มีความสอดคล้องกัน เพราะเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะดำเนินการเพื่อช่วยเหลือด้านค่าครองชีพแก่ข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลชุดอื่นๆ ที่ไม่ได้มีนโยบายชัดเจนในการปรับเงินเดือนให้ข้าราชการเลย

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่น้ำมันปาล์มจะขาดตลาดนั้นไม่น่าเป็นห่วง เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์น้ำมันปาล์ม และเสนออนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งบริสุทธิ์ จำนวน 40,000 ตันจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ หรือ กนป. ได้ให้องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. เป็นผู้นำเข้าในราคาไม่เกินกิโลกรัมละ 30 บาท เพื่อให้โรงงานสามารถผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขายในราคาลิตรละ 42 บาท ซึ่งจะไม่กระทบต่อประชาชนและน้ำมันปาล์มจะไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน

นายอนุสรณ์กล่าวว่า กรณีร้านถูกใจ ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการน้อยไม่คึกคักนั้น ที่ผ่านมาโครงการร้านถูกใจได้เปิดรับสมัครร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. และเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ได้ทำการเปิดร้านถูกใจต้นแบบที่กระทรวงพาณิชย์ และในวันที่ 23-25 เม.ย.จะทำการเปิดร้านถูกใจที่พร้อมดำเนินการในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ประมาณ 20 ร้าน และในจังหวัดใหญ่ 15 จังหวัด จังหวัดละประมาณ 5-10 ร้าน โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านถูกใจให้ได้ถึง 10,000 ร้านทั่วประเทศ ดังนั้น ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะโครงการเพิ่งเริ่มต้น ต้องให้เวลารัฐบาลด้วย