ผ่าประเด็นร้อน
ต้องยอมรับว่า ทักษิณ ชินวัตร สามารถ “สร้างกระแส” ชิงพื้นที่ข่าวได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม และด้วยลักษณะแบบนี้แหละที่ทำให้เขาไม่ตกหล่นไปจากความสนใจของสังคมได้สักที คราวนี้ก็เช่นเดียวกันหากพิจารณากันแบบรู้ทันก็ต้องบอกว่า ความนิยมของเขานับตั้งแต่ที่สามารถเชิด “น้องสาวในไส้” คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ ทำให้เบาใจในเรื่องความไว้วางใจ การทำตามคำสั่งชี้นำ ซึ่งไม่ต่างจากการที่เขาเข้ามาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง
ด้วยภาพลักษณ์ที่รับรู้กันว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” มันติดตัวอยู่ตลอดเวลา และควบคู่ไปกับผลงานของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์อีกด้วย
แต่กลายเป็นว่ากว่า 7-8 เดือนที่ผ่านมาทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างคาดคิด ผลงานที่เคยโม้เอาไว้ตอนหาเสียงกลับทำไม่ได้ หรือผลออกมาไม่เป็นอย่างที่พูด และที่สำคัญความล้มเหลวของรัฐบาลยังประดังเข้ามาจากความ “ไร้สติปัญญา” ของน้องสาวตัวเองเป็นหลักอีกด้วย โดยเฉพาะผลที่แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อม ไม่รู้จนนับวันยิ่งสร้างความเสื่อมศรัทธาแบบดิ่งเหวลงทุกวัน
สรุปก็คือเกือบปีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย แม้หากพูดกันตามความเป็นจริงต้องยอมรับว่า ยังไม่ถึงขั้นเลวร้ายแบบวิกฤติ แต่ก็ต้องถือว่า “ถดถอย” บรรยากาศไม่คึกคักฟีเวอร์เหมือนแต่ก่อนแน่นอน ประกอบกับฝ่ายค้าน คือ ประชาธิปัตย์ ที่เริ่มกลับเข้ามาสู่เส้นทางของตัวเองแล้วนั่นคือบทบาทฝ่ายค้าน อีกทั้งที่ผ่านมาก็มีการปรับตัวเปิดเกมรุกเข้าใส่แบบย้อนศรทั้งในเรื่องการเปิด “ทีวีสีฟ้า” รวมทั้งการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา มีการเปิดโปงเรื่องความไม่ชอบมาพากลของ ทักษิณ ทั้งในรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดยเฉพาะการตีเข้าไปที่จุดอ่อนไหวอย่างเรื่อง “แพงทั้งแผ่นดิน” ความล้มเหลวในเรื่องโครงการจำนำข้าว ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ
นโยบายสำคัญทั้งเรื่องค่าแรงวันละ 300 บาท ที่ทำไม่ได้ตามที่รับปากเอาไว้ หรือล่าสุดเรื่องเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ที่อ้างว่ากำลังปรับฐานพร้อมกันและขึ้นพร้อมกันในอีก 2 ปีข้างหน้า ที่ผ่านมาก็ใช้วิธีศรีธนญชัยไปเพิ่มค่าเงินครองชีพ แต่ประเด็นก็คือใช้บังคับกับคนที่เข้าใหม่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยอมรับออกมาแล้วว่ามีปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณ
สิ่งดังกล่าวสะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาล และเมื่อน้องสาวตัวเองคือ ยิ่งลักษณ์ ล้มเหลว มันก็ย่อมส่งผลสะเทือนไปถึง ทักษิณ ชินวัตร อย่างแยกกันไม่ออก ในฐานะที่เป็นเจ้าของรัฐบาล เป็นคนคัดเลือกรัฐมนตรีสำคัญด้วยตัวเองทั้งหมด สังคมเข้าใจแบบนั้นตั้งนานแล้ว
ประกอบกับที่ผ่านมาหากติดตามข่าวคราวก็จะเห็นความขัดแย้งกันภายในระหว่างคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ทั้งที่กลายพันธุ์มาเป็นอำมาตย์ เป็นเสนาบดีมีฐานะร่ำรวย ขณะที่พวกแดงบ้านนอกหลายคนก็ยังชักหน้าไม่ถึงหลัง เกิดความ “เหลื่อมล้ำระหว่างพวกไพร่” ด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ทอดทิ้งคนเสื้อแดงปลายแถวให้ติดคุกอย่างเดียวดาย ครอบครัวลำบากลำบน หรือแม้แต่กรณีมีความพยายามนิรโทษกรรม ก็ยังสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาญาติพี่น้องของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตและสูญเสียไม่น้อย เพราะพวกเขาต้องการหาคนผิดมาลงโทษ แต่กลายเป็นว่า ทักษิณ กำลังจะปรองดองกับทุกฝ่าย รวมทั้ง อำมาตย์
สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ย่อมสร้างความกระอักกระอ่วน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ประกอบกับภาวะผู้นำของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ สุดห่วย มันก็ยิ่งทำให้เป้าหมายของ ทักษิณ ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงไปแล้วมากมาย แต่ผลตอบแทนที่กลับมาเริ่มไม่เป็นดังคาด ดังนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องใช้มุกเดิมๆ นั่นคือ “สร้างกระแส สร้างมวลชน” ให้คงอยู่ต่อไป เพราะถ้าขืนไม่มีกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลาแบบนี้มันก็มีโอกาสเงียบหายฝ่อลงไปเรื่อยๆ คงไม่เป็นผลดีแน่
หากสังเกตให้ดีกิจกรรมที่ ทักษิณ พบกับคนเสื้อแดงในคราวนี้ทั้งที่ลาวและกัมพูชา ทุกคำพูดล้วนแล้วแต่ต้องการสร้างความหวัง ให้เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องนโยบายสำคัญ การกลับบ้านอย่างเท่ๆ ซึ่งอย่างหลังก็ยังคาดเดาไม่ออกว่าเขาจะกลับมาแบบไหน เพราะถ้าจะกลับก็สามารถกลับเข้ามาได้ทุกเวลา ไม่มีใครห้ามเอาไว้ แต่ถ้ากลับมาแบบไม่มีความผิด เอาเปรียบคนอื่นนี่สิมีปัญหาแน่ ในทางตรงกันข้ามหากเปลี่ยนใจเดินเข้ามามอบตัวแล้วยอมติดคุกจากนั้นค่อยขอพระราชทานอภัยโทษ มันก็ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับ “นิสัยขี้ขลาด” อย่างเขา แต่ขณะเดียวกันถ้าคิดจะใช้วิธีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เป็นไปได้ยากด้วยเงื่อนไขเวลา แม้จะเร่งรัดอย่างไรก็ต้องเสร็จสิ้นในราวปีหน้า
แต่หากใช้วิธีหักคอด้วยการใช้เสียงข้างมากในสภาออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมลบล้างความผิดให้กับ เขา คนเดียว มันก็ลำบาก เพราะชาวบ้านเขารู้กันไปทั่ว กลายเป็น “เรียกแขก” เพิ่มความโกรธให้กับสังคมที่กำลังหงุดหงิดกับผลงานรัฐบาลห่วยแตกอยู่แล้วมันก็ยิ่งทวีคูณ นอกจากนี้ ความไม่พอใจดังกล่าวยังขยายวงไปที่คนเสื้อแดงบางกลุ่มอีกด้วยที่ไม่ต้องการ ปรองดองกับอำมาตย์ รับรองว่าไม่หมูแน่นอน
ด้วยสาเหตุดังกล่าวนี่แหละที่ทำให้ ทักษิณ ใช้วิธีสร้างกระแส เลี้ยงมวลชนเอาไว้ อย่างน้อยการปรากฏตัวแบบใกล้ชิดพูดจาให้ความหวังเอาไว้ก่อน มันก็ตรึงเอาไว้ได้บ้าง แต่สิ่งสังเกตเห็นก็คือบรรยากาศมันไม่คึกคักเหมือนเก่า แน่นอน เพราะภาพที่เห็นนั้นสร้างขึ้นมาทั้งสิ้น!!