หรือแม้วจะแยกแดนใต้ !?

เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด

00 บอกแล้วว่าแทบทุกเรื่องในประเทศนี้โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองล้วนเกี่ยวข้องกับ ทักษิณ ชินวัตร แทบทั้งสิ้น อย่างเรื่องปัญหาชายแดนใต้ที่กำลังปั่นป่วนแทบลุกเป็นไฟส่วนสำคัญก็มีต้นตอมาจาก “คนหน้าเหลี่ยม” คนนี้อีกนั่นแหละ เพราะหากย้อนกลับไปตั้งแต่ “โจรกระจอก” เมื่อปี 47 จนนำไปสู่การก่อเหตุอย่างอุกอาจจากการ “ปล้นค่ายทหาร” ที่ อ.เจาะไอร้อง นราธิวาส เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ การเข่นฆ่าในมัสยิดกรือเซะ และตากใบ ก็ล้วนเป็นยุคที่คนๆนี้มีอำนาจทั้งสิ้น

00 มาถึงวันนี้ก็ยังมีอำนาจชี้นำรัฐบาลน้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งกำกับชี้นิ้วอยู่ข้างนอก และจากข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อในมาเลย์ฯที่เปิดโปงออกมาชัดเจนแล้วว่า เขาใช้หน้าเหลี่ยมๆแส่เข้าไปเสนอหน้าดอดไปเจรจากับ “หัวโจกพูโล” ถึงตอนนี้ก็พอจะเดาอนาคตชายแดนใต้ว่าจะเละแค่ไหน เพราะถ้าลองคนๆนี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวที่ไหนรับรองว่า “ฉิบหาย” ที่นั่น ซึ่งภาคใต้ก็เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ตาอยู่แล้ว

00 ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นหาก “มองในแง่ร้าย” มันก็สงสัยได้เหมือนกันว่ามีเพียงภาคใต้เท่านั้นที่ “ยังโง่” ในความหมายที่ไม่ยอมรับ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ตามที่ลิ่วล้อไพร่กลายพันธุ์บางคนโมโหแทนนายอาฆาตเอาไว้ และด้วยอารมณ์แบบนี้หรือเปล่าทำให้ต้องจองล้างจองผลาญ ถ้ามองแบบสุดขั้วมันก็เหมือนกับต้องการทำให้ป่วน แล้วตัดแบ่งแยกแผ่นดินออกไป มันก็อดคิดแว่บหนึ่งไม่ได้เหมือนกัน !!

00 ขณะเดียวกันเมื่อหันมาพิจารณาถึงความรู้ความสามารถของผู้นำในปัจจุบันที่มี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งอยู่หัวโต๊ะบอกได้คำเดียวว่าวังเวง เพราะขนาดเรียก “จังหวัดหาดใหญ่” ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อแล้ว ยังดีที่ไม่เสร่อพูดว่า “อำเภอสงขลา” อ้อ ยังไม่หมดแค่นี้ยังมีแถมเรื่อง ไปเปลี่ยนแปลงการปกครองในมาเลเซียเปลี่ยนผู้นำฝ่ายบริหารจากตำแหน่งนายกฯเป็น “ประธานาธิบดีมาเลเซีย” หน้าตาเฉย มาถึงนาทีนี้ก็ต้องเรียกว่า ทั้ง “นิ่มและกลวง” สมบูรณ์แบบจริงๆ

00 หากมานั่งทบทวนตามความจริงมันก็เริ่มมีความมองเห็นว่าความล้มเหลวของรัฐบาลนี้ล้วนแล้วก็มาจากความล้มเหลวของ ทักษิณ ที่เป็นต้นตอ และเป็นคนต้นคิดในทุกเรื่อง และเมื่อมาเจอกับความ “กลวง” ของน้องสาวตัวเองมันก็ยิ่งกลายเป็น “สองเด้ง” ไปกันใหญ่ เพราะถ้าลองย้อนอดีตกลับไปพิจารณาก็จะพบว่าพื้นฐานความร่ำรวยของ ทักษิณ ไม่ใช่เกิดจากการแข่งขัน แต่ล้วนเกิดจากการทำธุรกิจกับหน่วยราชการที่เชื่อกันว่าต้องใช้ “เบี้ยใบ้รายทาง” และที่สำคัญธุรกิจสัมปทานผูกขาดก็ได้มาจากเผด็จการรสช.ไม่ใช่เกิดจากการแข่งขันประมูลโดยเสรี เพียงแต่ว่าเขารู้จักฉกฉวยหาโอกาสทางธุรกิจอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับ “อำนาจรัฐ” ที่ฉ้อฉล แต่มาวันนี้เมื่อต้องเจอกับ “ของจริง” ทั้งเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจแบบสากล และระบบเศรษฐกิจที่ผูกพันกับภาคเอกชน และเศรษฐกิจภายนอกขาลงบางครั้งทำให้การขับเคลื่อนนโยบายประชานิยมทำได้ยาก หรือล้มเหลว ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้จะได้เห็นปัญหาเริ่มรุมเร้าย้อนกลับมาเข้าหารัฐบาลพรรคเพื่อไทยแทบทุกเรื่อง

00 หันมาที่การเมืองเรื่องอื่นๆกันบ้าง ดูตามบรรยากาศเวลานี้เหมือนกับว่าเรื่องสำคัญกำลังเตรียมการเอาไว้พร้อม เหมือนกับการ “พักยก” ชั่วคราวในช่วงสงกรานต์ แต่หลังจากนั้นรับรองว่าดีกรีความร้อนแรงจะต้องเพิ่มสูงปรี๊ดแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้ทักษิณ ซึ่ง “ค้อนปลอม” สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาได้ไฟเขียวขยายเวลาแบบไม่มีกำหนดและเตรียมวาระไว้รอท่าแบบหายห่วงกันได้แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ใช่ว่ามีเสียงมากแล้วจะลากไปทางไหนก็ได้ หากสังคมไม่เอาด้วย เพราะถ้าสังเกตอาการก็เริ่มขุ่นมัวและรำคาญกับพวก “ครอบครัวแม้ว” ที่ “ห่วย-ดีแต่โม้-เอาเปรียบ” มากขึ้นทุกวัน

00 หันมามองที่พรรคภูมิใจไทยที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวจะเปลี่ยนแปลงกันภายในหลังจากพวก 111 ถูกปลดล็อกออกมาในกลางเดือนหน้า หลายคนกำลังเพ่งมองไปที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ว่าจะมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคแทนพ่อคือ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หรือไม่ แม้ว่าตอนนี้ยังปฏิเสธว่า “ไม่อยาก” แต่การเมืองความต้อง “ตรงกันข้าม” และที่สำคัญเวลานี้พ่อลูกคู่นี้ก็เป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่อยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก !!

00 วันนี้(10 เม.ย.) ถือว่าเป็นวันต้องจดจำและชวนสลดหดหู่อีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นายทหารกล้าที่ถูกชายชุดดำติดอาวุธที่ปะปนมากับม็อบเสื้อแดงลอบยิงเสียชีวิต พร้อมกับนายทหารคนอื่นๆ รวมทั้งชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ เพื่อสร้างสร้างความสูญเสียและเกิดความกดดันและล้มล้างรัฐบาลในสมัยนั้น จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ผ่านมาครบ 2 ปีเต็มทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตรโจรกำลังกลายเป็นฮีโร่ ฝ่ายผู้สูญเสียและทำเพื่อบ้านเมืองในฐานะทหารหาญกลับถูกเมินเฉย !!