“สมช.” ยันไม่มีนโยบายเจรจาแลกผลประโยชน์กับโจร ไม่ห้าม “ทวี สอดส่อง” คุยแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ชี้ป่วนใต้ไม่มีหัวโจกใหญ่ เหตุมีหลายกลุ่ม หลายรุ่น แยกกันป่วน ระบุไม่นิ่งดูดายผู้หวังดีอยากเห็นใต้เกิดสันติ แนะทางเยอะกำลังศึกษาหาทางร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจากสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เข้าพบกับหัวหน้ากลุ่มพูโล ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบทางภาคใต้โดยมีภาพถ่ายร่วมเจรจากับแกนนำ ซึ่งล่าสุดพ.ต.ท.ทักษิณ และพ.ต.อ.ทวี ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวนั้น ตนเห็นว่าการเจรจาพูดคุยถือเป็นแนวทางและนโยบายของ สมช.ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ
ทั้งนี้ ในนโยบายของ สมช.ได้ระบุไว้ว่า ให้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ที่มีความเห็นต่าง เพื่อที่จะรู้ความต้องการของคนในพื้นที่ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสันติในทุกระดับชั้น อย่างไรก็ตาม การเจรจานั้นต้องไม่ใช่การเจรจาต่อรองเพื่อจะเอานู่นเอานี่ ให้เป็นการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันเพื่อให้ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับการแก้ไข ซึ่งคนที่มาพูดคุยกับเราก็มีเยอะ เป็นคนที่หวังจะเห็นความสงบเกิดขึ้น สะท้อนให้เราเห็นภาพต่างๆ แต่ไม่มีการเจรจาเพื่อขอให้หยุดยิงและจะให้เงินเท่านั้น หยุดยิงจะให้เงินเท่านี้ ไม่มีเท่าที่ตนทราบ และจากที่ทำงานมานั้นก็ไม่มี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.อ.ทวี ในฐานะเลขาฯ ศอ.บต. ซึ่งเป็นคนในพื้นที่สามารถเจรจาได้หรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า เขาเป็นผู้ปฎิบัติในพื้นที่ ก็ต้องไปตรวจสอบสอดส่องว่าคนในพื้นที่ต้องการอะไร ตนว่าเขาสามารถทำได้ในขอบเขตของกฎหมาย ส่วนการจะไปเจรจาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ โดยให้มีการหยุดยิง ตนคิดว่าคงทำไม่ได้ และ สมช.ก็ไม่เคยมีนโยบายเช่นนั้น ที่ผ่านมาทาง สมช.ก็ทำงานเรื่องนี้กันมาตลอด ซึ่งในระดับพื้นที่ก็ได้ไปพบปะพูดคุยกับประชาชนที่เป็นผู้ใหญ่ พูดคุยกับผู้นำทางศาสนา ผู้นำชุมชน นักวิชาการ ที่เขาอาจจะรู้ถึงความต้องการของคนกลุ่มต่างๆ หรือผู้ที่มีปัญหากับเราก็ได้ แต่วัตถุประสงค์ที่สำคัญก็คือการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
เมื่อถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ และพล.ต.อ.ทวี สอดส่อง ไปเจรจาจริงจะส่งผลกระทบด้านบวกหรือลบกับเราหรือไม่ อย่างไร แหล่งข่าวกล่าวว่า อย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กัน มันมีหลายกลุ่ม ตั้งแต่เกิดเรื่องมาจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครแสดงตัวตนว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มทั้งหมดได้ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีตัวแทนที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในแต่ละพื้นที่ หากมีการไปเจรจากับกลุ่มหนึ่ง ก็อาจจะส่งผลกระทบกับอีกกลุ่มหนึ่ง ก็อย่างที่พูดกันว่าเขาก็พยายามแสดงตัวตน แต่นั่นไม่ใช่ตัวจริงหรอก สรุปคือไม่มีตัวแทนของกลุ่มที่ก่อเหตุที่แท้จริง เนื่องจากมีหลายกลุ่มและมีหลายรุ่น ฉะนั้นการที่เราไปพูดคุยเพื่อแก้ปัญหา เพื่อแนวทางสันติก็สามารถทำได้ แต่จะไปพูดคุยขอกับกลุ่มผู้ติดอาวุธคงไม่ได้หรอก เพราะจะกลายเป็นว่าไปเจรจากับโจร ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
