เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 เข้าใกล้ความจริงไปอีกขั้นสำหรับพิธีกรรมประชาธิปไตย ใช้เสียงข้างมากในสภาทำตามใจปรารถนา ล่าสุดกรรมาธิการ “ฝ่ายทักษิณ” ก็สามารถกระชากลากถู ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ ม.291 ที่เกี่ยวกับที่มาของ ส.ส.ร.และกระบวนการเลือกตั้ง รวมทั้งการได้มาของ รธน.ฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนของการแปรญัตติในวาระ 2 สำหรับพวกที่สงวนเอาไว้ สรุปภาพรวมทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอนั่นแหละ อย่างไรก็ดีในรายละเอียดบางครั้งก็ไม่ต้องไปติดตามอะไรมาก เพราะทุกอย่างมีพิมพ์เขียวกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว หลักๆที่เป็นสาระสำคัญไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มีแค่ปลีกย่อยเท่านั้นเพื่อให้ดูสมจริงว่ามีการถกเถียงมีบรรยากาศ ปชต.
00 หลักการที่ต้องคงเอาไว้อย่างเหนียวแน่นก็คือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ออกมาเป็นว่าต้อง ลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร และกลับมามีอำนาจ อ้อแล้วต้องได้เงินคืนด้วยนะ อันนี้สำคัญ แม้ว่าการระบุอย่างนี้เหมือนกับการ “พูดไปก่อน” ทั้งที่เหตุการณ์ยังไม่เกิด แต่เชื่อขนมกินไว้ล่วงหน้าได้เลยว่าไม่มีทางผิดเพี้ยนไปจากนี้ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นผิดสักเรื่อง ที่น่าตลกปนสมเพชก็คือเวลานี้คนที่มีบทบาทใน กมธ.แก้ไข รธน.กลับเป็น พิชิต ชื่นบาน อดีตทนายความถุงขนม 2 ล้านที่หิ้วไปวิ่งเต้นที่ศาลจนถูกตัดสินจำคุก 6 เดือนและเพิกถอนใบอนุญาตอาชีพทนายเป็นเวลา 5 ปี แต่ไม่เป็นไรในฐานะที่รับใช้ซื่อสัตย์ก็มีงานรองรับให้ทุกคนอยู่แล้ว และยิ่งโชว์ผลงานได้เข้าตาเท่าไรก็ยิ่งประกันถึงความก้าวหน้าในอนาคต และตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่กลาดเกลื่อน
00 ปัญหาชายแดนใต้ดูตามสถานการณ์แล้วน่าเป็นห่วง เพราะเมื่อดูตัวตนของผู้รับผิดชอบแต่ละคนล้วนแล้วแต่มองไม่เห็นอนาคต ตรงกันข้ามน่าจะเข้าขั้นวิกฤติกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องจากฟังดูการพูดการจาล้วนแล้วแต่ไม่เข้าใจพื้นที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ทั้งที่เป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน” อย่างยิ่งยวด ไม่อาจใช้วิธี “การตลาด” เข้ามาแก้ปัญหาเพื่อหวังคะแนนนิยมทางการเมืองได้เลย ซึ่งที่ผ่านมา ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยมักใช้ได้ผลกับพื้นที่อื่น แต่กับชายแดนใต้รับรองว่า “ใช้ไม่ได้” และไม่มีทางสำเร็จ
00 ที่น่าเวียนหัวก็คือการ “กลับลำ” แบบไปไม่เป็นก็คือเรื่อง “เจรจาลับ” กับแกนนำโจรใต้ ที่ก่อนหน้านี้ส่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผอ.ศอ.บต.คนกันเองที่รับบท “เป็นพระเอก” ไปเจรจาแบบเต็มคณะถึงมาเลย์ฯ และก็ตามคาด มี “แม้วหน้าเหลี่ยม” คอยประสานงานให้ แต่ผลก็ออกมาอย่างที่เห็นคือ “เละ” ผลที่ออกมาแบบนี้สาเหตุก็เป็นเพราะ แม้วที่ใช้วิธีแบบตำรวจ ไม่เคยซึมซับปัญหา มองแบบง่ายๆนั่นคือใช้เงินแก้ปัญหา “ใช้เงินไปฟาดหัว” ตามถนัด สองการไปเจรจากับโจรเพียงแค่กลุ่มเดียว โดยที่ยังมีอีกหลายกลุ่มยังเคลื่อนไหวอยู่ และที่ไปคุยกันอยู่นั้นก็ไม่รู้เป็นหัวโจกระดับไหน นอกจากนี้ฟังจากคำสัมภาษณ์แบบท่องจำงูๆปลาๆของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บอกว่าจะเพิ่มหน่วยอรินทราชลงไปในพื้นที่ รวมทั้งอาจขยับยกระดับประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้เต็มพื้นที่ทั้งในปัตตานีที่อื่นหลังจากได้ยกเลิกไปแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เนื่องจากการเพิ่มกำลังทหาร ตำรวจ ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา รังแต่จะสร้างความตึงเครียดมากขึ้น ปัญหาเวลานี้ก็คือขาดผู้นำที่เข้าใจพื้นที่และปฏิบัติจริงตามยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา” เท่านั้นเอง ที่ผ่านมามีแต่ท่องจำ แต่ไม่นำไปปฏิบัติ หรือปฏิบัติแต่ไม่เป็นเอกภาพ แย่งงานแย่งงบประมาณกัน