โฆษกเพื่อไทยบุก กกต.ร้องยุบประชาธิปัตย์ขึ้นป้ายต้านแก้รัฐธรรมนูญเป็นปฏิปักษ์การปกครอง จ่อฟ้องหมิ่นซ้ำฐานกล่าวหา ส.ส.บินโชว์พิมพ์เขียวให้ “นช.แม้ว”ตรวจสอบ ด้านเด็ก ปชป.โผล่ดักยื่นหนังสือจี้ทบทวนเจอซัดแย่งซีนไล่กลับไปยื่นที่สภาแทน
วันนี้ (15 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะได้เข้ายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. ขอให้ตรวจสอบการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในพื้นที่ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจเข้าข่ายเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 65 วรรคสอง ประกอบ มาตรา 66 และมาตรา 94 (3) (4) (5) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา เป็นเหตุให้ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี
ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ถึงการขึ้นป้ายดังกล่าวของพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีภาพของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาอยู่ด้วย จึงเห็นว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการปลุกกระแสให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดรัฐบาล เข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง อีกทั้งพรรคและกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้มีการระงับยับยั้งการกระทำดังกล่าว ตรงกันข้ามกลับรู้เห็นเป็นใจ ยินยอมในการกระทำนั้นด้วย
นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวด้วยว่า อาจจะมีการฟ้องฐานหมิ่นประมาทกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวหาว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยนำพิมพ์เขียวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดูที่ฮ่องกง เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยไม่เป็นความจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายพร้อมพงศ์กำลังจะยื่นหนังสือต่อ กกต. นายราเมศ รัตนะเชวง สมาชิกและทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดักรอนายพร้อมพงศ์อยู่ก่อนก็ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายพร้อมพงศ์ ขอให้ทบทวนการยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่นายพร้อมพงศ์ปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้รับการนัดหมายมาก่อน อีกทั้งถ้านายราเมศจะดำเนินการในลักษณะนี้ก็ควรนัดหมายที่รัฐสภา หรือที่ทำการพรรค ไม่ใช่มาแย่งซีนกันแบบนี้ ไม่เหมาะสม ซึ่งก็อยากจะถามกลับไปยังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ว่ารู้เห็นกับการกระทำของนายราเมศหรือไม่
ด้าน นายราเมศ ก็ได้ยื่นหนังสือที่ขอให้นายพร้อมพงศ์ทบทวนการยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ให้กับสื่อมวลชน และกล่าวว่า เนื่องจากเห็นว่าประเด็นที่นายพร้อมพงศ์ยื่นเป็นประเด็นการเมือง เพราะการขึ้นป้ายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเหตุนำไปสู่การยุบพรรคได้ การตีความของนายพร้อมพงศ์จึงให้พรรคประชาธิปัตย์เสียหาย อยากให้ทบทวน อีกทั้งนายพร้อมพงศ์ก็เป็นกรรมการบริหารพรรคซึ่งพรรคเพื่อไทยจะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น นอกจากนี้ยังอยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยแสดงความรับผิดชอบกรณีศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2553 เพราะไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ออกมา
“การมายื่นครั้งนี้เราไม่ได้มาปาดหน้าใคร หรือแย่งซีนใคร แต่มาเพื่อรักษาสิทธิ์ของพรรคที่มีผู้จะมายื่นยุบพรรคโดยไม่มีเหตุเท่านั้น แต่หลังจากนี้ผมและพรรคประชาธิปัตย์ก็จะดำเนินการต่อสู้ในเรื่องนี้ต่อไป” นายราเมศกล่าว