รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยเผยหลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพฯ รับสั่งอวยพรให้รัฐบาลทำงานให้ชาติและประชาชน เผยยืดสมัยประชุมสภาฯ อ้างต้องแก้ไข รธน.-เสนอ กม.ปรองดอง ยันทุกฝ่ายอยากเห็นจึงต้องเดินหน้า มั่นใจสำเร็จแน่ หนุน “ทักษิณ” คุย “ป๋าเปรม” แต่จังหวะเวลาไม่ตรงกัน หยอด “ยิ่งลักษณ์” สุภาพไม่กระแนะกระแหน ถ้าใจเย็นสมานฉันท์แน่ อุบเตรียมเสนอ กม.ปรองดองหรือนิรโทษกรรมเข้าสภา เย้ยนักข่าว “จ้างก็ไม่บอก”
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เรื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ อาคารชัยพัฒนา สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิตว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อวยพรให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลได้ถวายพระพร ถวายดอกไม้และถวายเงินเข้ามูลนิธิที่พระองค์ท่านรับผิดชอบอยู่
ส่วนกรณีที่มีผู้ชุมนุมประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหลายกลุ่ม แต่ยังไม่มีตัวแทนจากรัฐบาลมาดูแลว่า อยากให้เข้าใจว่าประชาชนที่มาก็เพราะเขาเดือดร้อน ซึ่งตนก็ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานดูแลอยู่ ซึ่งก็คงจะมีการทำความเข้าใจกันเพียงแต่ขอว่าอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าปิดถนน ขอให้ทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย มีเหตุมีผล และหากไปกระทบต่อส่วนรวมเราก็ต้องแก้ไข แต่ถ้าเขามาชุมนุมโดยสงบ สันติ ไม่มีอาวุธ ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องเห็นใจกัน
ส่วนเหตุผลของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ยืดสมัยประชุมสภาออกไปอีกว่า เนื่องจากมีงานสำคัญที่เป็นนโยบายรัฐบาลค้างอยู่หลายเรื่อง เช่น ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ การสร้างความปรองดอง และกฎหมายสำคัญๆ อีกหลายฉบับ ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นการทำผิดอะไร ซึ่งระยะเวลาที่ยืดไปนั้นก็แล้วแต่ว่ากฎหมายสำคัญหรือนโยบายของรัฐบาลที่จะเข้าสภาเสร็จเมื่อไหร่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าฝ่ายค้านจะโจมตีว่ายืดสมัยประชุมไปเพื่อต้องการเร่งเรื่องการสร้างความปรองดอง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จจะได้ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาโดยเร็ว ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่รัฐบาลกลัวคือกลัวสื่อมวลชน กลัวประชาชนมากกว่า มั่นใจว่าจะมีเหตุผลในการชี้แจงได้ ใครจะเข้าใจอย่างไรคงจะไปห้ามความคิดเขาไม่ได้
สำหรับเรื่องการสร้างความปรองดองนั้น นายยงยุทธกล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายต้องการสร้างความปรองดองทั้งนั้น อยากให้ประเทศเดินหน้า เมื่อถามว่าภายในมีการล็อบบี้กันไว้แล้วหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ได้ล็อบบี้ แต่เป็นความเข้าใจที่ตรงกัน เป็นธงที่อยู่ในหัวใจกันทุกคน
ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน คุยกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อให้เกิดความปรองดอง นายยงยุทธกล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนไม่ขอวิจารณ์
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยส่งสัญญาณหลายครั้งว่าพร้อมคุยกับ พล.อ.เปรมเพื่อให้ข้อขัดแย้งยุตินั้น ต้องเข้าใจว่า พล.อ.เปรม เป็นประธานองคมนตรี เป็นรัฐบุรุษ เป็นคนที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมานานและมีความจงรักภักดี ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณก็เช่นเดียวกันก็ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมานานและประชาชนก็รักใคร่ ซึ่งทั้งสองท่านก็จงรักภักดีเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่พูดคุยกันไม่ได้ เพียงแต่จังหวะเวลาอาจจะยังไม่ตรงกันเพราะอยู่คนละที่ อย่างไรก็ตาม หากคุยกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดี และไม่ใช่เรื่องที่อีกฝ่ายต้องขอโทษ หรืออีกฝ่ายต้องให้อภัย เพราะไม่ได้โกรธกัน ต่างก็เสียสละ
ผู้สื่อข่าวถามถึงรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนงทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ (กมธ.ปรองดอง) หากพิจารณาแล้วจะทำให้เกิดความแตกแยก ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะขอร้องให้ถูกพรรคถอนรายงานออกมาก่อนหรือไม่ รอให้สถานการณ์เย็นลงก่อน นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ ความปรองดองไม่ต้องรอใจเย็นหรือใจร้อนหรอก แต่ดูว่ามันจำเป็นหรือไม่ ถึงเวลาที่ประเทศชาติต้องปรองดองหรือยัง ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยหมด ความเห็นประชาชนกว่า 90% ก็อยากเห็นความปรองดอง แม้แต่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ก็บอกว่าถึงเวลาที่ต้องปรองดองแล้วอย่างเร่งด่วน ดังนั้นจะหยุดไม่ได้ ต้องเดินหน้า คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เราทำมีจุดหมายที่ดี
เมื่อถามว่าทาง คอป.ติงว่ารัฐบาลหยิบเฉพาะข้อเสนอบางข้อของ คอป.เท่านั้น นายยงยุทธกล่าวว่า ไม่ได้หยิบเฉพาะบางข้อ หยิบทุกข้อที่เสนอมา ยืนยัน รับรองได้ เพียงแต่ข้อไหนช้าหรือเร็ว ทำยากหรือง่ายเท่านั้น โดยยืนยันจะพยายามทำให้ดีขึ้น ผัวเมีย ถ้าผัวร้าย เมียดี คือดีคนหนึ่งก็ไม่มีปัญหา ก็เหมือนรัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ใจเย็น สมานฉันท์แน่นอน ไม่เคยด่ากระแนะกระแหน พูดสุภาพทุกเรื่อง เพราะต้องการให้ประเทศชาติประชาชนสงบ
เมื่อถามว่าขณะนี้หลายฝ่ายไม่ยอมรับวิธีการในการสร้างความปรองดอง นายยงยุทธกล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะเรื่องนี้ก็คุยกันมานานแล้ว มีข้อเสนอจากหลายฝ่ายและเป็นแนวเดียวกันทั้งนั้น ซึ่งวิธีการความจริงก็ไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อน ส่วนคนที่ไม่อยากปรองดองตนก็ไม่อยากวิจารณ์ ขอทำในส่วนที่เราคิด และมั่นใจว่าจะเกิดผลสำเร็จ เมื่อถามว่าเมื่อพิจารณารายงานแล้วจะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาเลยหรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า ก็เป็นขั้นตอนไปและทุกอย่างก็จะยุติที่รัฐสภา เมื่อถามว่าตกลงจะเป็น พ.ร.บ.ปรองดอง หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายยงยุทธกล่าวว่า “จ้างก็ไม่บอก”
