ใกล้เดือนพฤษภาฯ “แม้ว” หัวหมุน มีแต่คนแย่งพากลับบ้าน!!

ผ่าประเด็นร้อน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลงเคลิบเคลิ้มไปกับคำป้อยอของบรรดาลิ่วล้อทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ที่ต่างแย่งกันเสนอหน้า-เสนอผลงาน ประเภท “เชื่อผมเถอะนาย” แบบนี้ดีแน่นอน รับรองได้กลับบ้านแน่ รออีกนิดเดียวเท่านั้น หรือเวลานี้ฝ่ายที่เคยขัดขวางเรามันก็อ่อนแรง หรือไม่ก็กลายมาเป็นพวกเราแทบทั้งหมดแล้ว

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทั้งหมด หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังเป็นช่วงที่ใกล้ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงกำหนดเวลาที่บรรดาพวกบ้านเลขที่ 111 จะได้รับการปลดล็อกพ้นโทษแบนออกมา มันก็ยิ่งเห็นเงาคนเคลื่อนไหวกันวูบวาบ

มีการประเมินกันว่า หากพวกบ้านเลขที่ 111 ดังกล่าวได้รับอิสระเมื่อไหร่ รับรองว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย และในรัฐบาลอย่างขนานใหญ่ ซึ่งนั่นก็อาจหมายรวมไปถึงสถานะของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีด้วย แม้ว่าอาจจะไม่อาจเปลี่ยนแปลงกันได้โดยตรงเพราะอาจติดขัดเรื่องคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญว่าคนที่เป็นนายกฯ จะต้องเป็น ส.ส.ก็ตาม แต่ความหมายก็คือการทำหน้าที่ในฐานะผู้นำจะต้องถูกกดดันมากขึ้น

ต้องไม่ลืมว่า พวกบ้านเลขที่ 111 นั้นส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับ “แถวหนึ่ง” เป็นระดับหัวหน้าก๊วน มีทุนเป็นของตัวเอง และที่สำคัญเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อ “ร่วมกันหากิน” กับ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ร่วมสร้างภาพมาด้วยกัน อีกด้านหนึ่งก็เหมือนกับ “ผีเน่ากับโลงผุ” เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

ขณะที่กลุ่มก๊วนในพรรคเพื่อไทยเวลานี้หากพูดกันแบบไม่ไว้หน้าก็ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่เป็นประเภทปลายแถว หลายคนเป็นแค่ “เด็กถือกระเป๋า” ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงเวลาที่บรรดาลูกพี่จะออกมา คนพวกนี้ทั้งที่ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี เป็น ส.ส.ในใจลึกๆ แล้วก็เริ่มนั่งไม่เป็นสุข เพราะมีแนวโน้มจะถูกทวงเก้าอี้คืน หรืออย่างน้อยบทบาทและความสำคัญก็จะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เป็นอยู่ อำนาจที่เป็นหัวโขนสวมอยู่ แต่เมื่ออยู่นานๆ มันก็ต้องเคลิ้ม

ตามวาระการปลดล็อกดังกล่าวจะเกิดขึ้นในราวกลางเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ และยังเชื่อมั่นว่าในเวลาไล่เลี่ยกัน หรือหลังจากนั้นไม่นานนักก็จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่ อีกทั้งอายุของรัฐบาลก็มาครบ 9-10 เดือน ได้เวลาปรับเปลี่ยนกันอีกรอบ

ที่สำคัญถึงเวลาที่บรรดา “เจ้าของ” จะเข้ามาทวงเก้าอี้คืนกันแล้ว นอกเหนือจากโควตาสำคัญบางตัวที่ต้องเว้นไว้ให้ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ เช่น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกระทรวงเกรดเอบางตำแหน่ง

สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นล้วนเคลื่อนไหวเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อมาถึง ทักษิณ ที่กำลังร่อนเร่อยู่แดนไกล ยิ่งไกล้เวลาเท่าไรก็ยิ่งมีการเคลื่อนไหวที่ถี่ยิบมากขึ้น โดยเฉพาะบรรดานักวิ่งเต้น เสนอหน้า เสนอโครงการ ประเภทยกยอปอปั้นให้ความหวัง เป็นเรื่องที่ต้องเจอกันแทบทุกชั่วโมง แต่ละคนต่างก็ต้องการเข้าไปถึงตัว เพื่อการันตีเก้าอี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ได้เห็นคนหน้าตาแปลกๆ บางคนเคยอยู่ฝ่ายตรงข้ามแทบจะกินเลือดกินเนื้อ อย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แต่กลายเป็นว่าเวลานี้กำลังเดินอยู่หัวแถว ยอมแม้กระทั่งแอ่นอกรับก้อนอิฐ น้ำลายที่ถ่มถุยลงมาแทน

หรือประเภทมวยซุ่มรอจังหวะ รับจ็อบเป็น “โซ่ข้อกลาง” แล้วแต่สถานการณ์ อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ล่าสุดก็ยังอุตส่าห์ “ฝืนสังขาร”ลุกขึ้นมาจากเตียงขอแจมเรื่องปรองดองให้ ทักษิณ จนได้ รวมไปถึง “จอมตื้อ” อย่าง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ยังไม่พอใจกับของขวัญแค่ ถุงกอล์ฟ รองเท้ากอล์ฟ ก็กลับมาเสนอโปรเจ็กต์ “พากลับบ้าน” สร้างความประทับใจไม่เลิก

ดังนั้น ถ้ามองให้เห็นภาพก็คือ เวลานี้เป็นช่วงที่กำลังใกล้จะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีกันอีกชุดใหญ่ตามจังหวะเวลา หลังจากมีการปลดล็อกพวกบ้านเลขที่ 111 ซึ่งล้วนเป็นขาใหญ่ ขณะเดียวกัน มันยังมีพวกต้องการค้ำประกันเก้าอี้ประเภทรอเสียบและพวกไม่อยากลุก ก็ต้องวิ่งเข้าหา เสี่ยแม้ว แข่งขันกันยกยอปอปั้น ประจบประแจงกันเต็มเหนี่ยว จนบางครั้งมันก็ทำให้เหลิงหลงตัวเองคิดว่า “พิเศษ” เหนือกว่าคนอื่น เพราะถ้าลองถึงขั้นกล้าพูดว่า “กำลังเคลียร์กับผู้พิพากษาได้” พูดโชว์ต่อสาธารณะแบบนี้ รับรองว่าไปไกล ความหมายก็คือออกไปทางเพี้ยนแล้ว

ด้วยลักษณะอาการแบบนี้ อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมเป็นโอกาสทองของบรรดา “สิบแปดมงกุฎ” ที่เข้าไปหลอกหารับประทาน โดยเฉพาะการแย่งเสนอโครงการ “พากลับบ้าน” ไงล่ะ!!