รายงานการเมือง
“เรื่องนี้ยังอีกยาว เป็นหนังซีรีส์” คำประกาศก้องของ “ประวัฒน์ อุตตะโมต” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ย้ำแล้วย้ำอีกแบบไม่เกรงศักดิ์ศรีเสนาบดี ลั่นไม่มีทางยอมให้ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหงรังแกพี่สาวตนเองอย่างย่ามใจ
ฝุ่นตลบในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ยังไม่มีทีท่าว่าจะจางลง สำหรับการตัดสินใจเด้งฟ้าผ่านางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ของ ครม. ทั้งยังลามหนักกลายเป็นความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทย
วันนี้ทั้ง “สันติ” และ “พนิตา” ยังคงยืนกรานกระต่ายขาเดียวกันในมุมของตัวเอง ไม่มีใครยอมลงให้ใคร
“พนิตา” ถือเป็นลูกหม้อกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ไต่เต้าจนมาถึงตำแหน่งปลัด เหลืออีกเพียงปีเดียวจะเกษียณอายุราชการ ตั้งความหวังว่าจะลงจากตำแหน่งอย่างสวยงาม แต่กลับมาเจอเตะโด่งกลางอากาศแบบนี้ ยากที่จะทำใจรับไหว
จึงออกมาเดินเกม สวมบทหมูไม่กลัวน้ำร้อน คัดค้านคำสั่งโยกย้ายของ ครม.ชนิดหัวชนฝา เปิดหน้าท้าชนหมดหน้าตักแบบไม่มีอะไรต้องเสียใจ ขอวัดกำลังดูสักตั้ง เนื่องจากคิดว่าตัวเองก็มีดีอยู่พอตัว มีพลังพิเศษบางอย่าง ข้าราชการที่เป็นหลังพิงให้ก็มีไม่น้อย และก็ยังมี “ประวัฒน์” น้องชายคอยลุยให้ในเชิงการเมืองภายในพรรคเพื่อไทย
ออกมาย้ำความบริสุทธิ์ของตัวเองหลายครั้งหลายครา ว่ายังไม่มีความผิดด้านวินัย กระบวนการสอบสวนเองการใช้งบผิดวัตถุประสงค์ยังอยู่เพียงระหว่างการสอบสวนของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทั้งยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ดังนั้น “สันติ” จะมาสะเออะสั่งย้ายไม่ได้ เพราะความผิดยังไม่เกิดขึ้น
ป่าวประกาศฟ้องสังคมว่าตัวเองโดนอำนาจการเมืองกลั่นแกล้ง และขอเช็คบิลกลับด้วยการฟ้อง “สันติ” และ ครม.ทั้งคณะ ฐานโยกย้ายไม่เป็นธรรม ขาดความรอบคอบ พร้อมเล็งฟ้องหมิ่นประมาท “สันติ” เพราะทำให้เสื่อมเสียเกียรติวงศ์ตระกูล เจตนาหลักเป้าหมายใหญ่ซัดไปที่ “สันติ” ซึ่งเจ้าตัวมองว่า รมว.การพัฒนาสังคมฯ คนนี้ จ้องที่จะเขี่ยเขาให้พ้นทางมานาน ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ แล้ว
จะใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผลประโยชน์บางอย่าง การสร้างตึกบางแห่งหรือไม่ เป็นเรื่องที่อีกไม่นานสังคมน่าจะได้รับรู้เบื้องหลังกันมากกว่านี้ เพราะ “พนิตา-ประวัฒน์” กำลังรอดูท่าทีของครม.และพรรคเพื่อไทยในวันอังคารที่ 27 มี.ค.นี้ ว่าจะมีความชัดเจน หรือมีการทบทวนอะไรหรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรออกมาจนเป็นที่น่าพึงพอใจ กระบวนการเปิดโปงเรื่องฉาวโฉ่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะต้องออกมาแน่!!
แม้ล่าสุดพรรคเพื่อไทยจะไม่มีการตัดสินเรื่องนี้ในที่ประชุม โดยอ้างว่าต้องรอคณะกรรมการฯที่นายกฯตั้งตัดสินก่อน นำไปถกในพรรคอีกรอบ
“ประวัฒน์” เป็นคนออกมาแพลมข้อมูล อาสาเป็นหน่วยปะ ฉะ ดะ แทนพี่สาว ในช่วงออกตัว บอกว่ามีขบวนการแก๊งออฟโฟร์ ยึดอำนาจในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ พยายามถีบ “พนิตา” ให้พ้นทางมาตลอด จึงอาศัยเรื่องที่สตง.ขอให้ตรวจสอบการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์นี้มาเป็นชนวนเหตุโยกย้ายแบบจานด่วน
โดยมีอดีตปลัดกระทรวงคนหนึ่งที่ยังทรงอิทธิพลมาจนถึงตอนนี้ เป็นมือเป็นไม้ร่วมกันกับรัฐมนตรีกระทำการลับๆ ล่อๆ ในกระทรวง เช่น โครงการสร้างตึกของกระทรวงที่ยังคาราคาซังอยู่ น่าสงสัยว่าทำไมไม่เซ็นลงมือสร้างเสียที หรือจ้องล้มประมูล เอาบริษัทอื่นที่เป็นเครือข่ายตัวเองมาทำแทน??
ฟากฝ่าย “สันติ” เอง ก็ดูเหมือนจะแข็งกร้าวไม่ยอมฟังอีร้าค่าอีรมใดๆ เหมือนกัน ย้ำว่าสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำลงไปนั้นถูกต้องสมบูรณ์ และเป็นไปตามคำสั่งของ สตง. บอกว่าทำตามหน้าที่ทางราชการ ไม่อคติ ไม่ขัดแย้งใคร แต่ยอมรับว่ามันอาจไปกระทบจิตใจบางคน ช่วยไม่ได้จริงๆ!!
ชัดเจนเหมือนกันว่าไม่มีการทบทวนคำสั่ง เสนาบดีตัดสินใจไปแล้วไม่ยอมกลับลำให้เสียเหลี่ยมเสียราคา ยอมหักไม่ยอมงอ
งานนี้สรุปว่าต้องหักกันไปข้าง!!
อย่างไรก็ดี คนที่เดินเกมแรงต่อเนื่อง ไม่หยุดหย่อนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ คือ “ประวัฒน์” หลังจากบุกเข้าไปชี้หน้าถามสันติด้วยภาษาพ่อขุนรามคำแหงมาแล้ว ก็ยังเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เดินเกมภายในพรรคเพื่อไทยรวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งกลุ่ม “รักเพื่อน” ขึ้นมาเคลื่อนไหวกดดันเลื่อยขาเก้าอี้รัฐมนตรีของ “สันติ” บ้าง
ท้าเหยงๆ ให้ “สันติ” เดิมพันเก้าอี้กับพนิตา ถ้าพนิตาไม่ผิด “สันติ” กล้ารับผิดชอบหรือไม่ จวกยับฉะแหลกผ่านสื่อไม่เว้นแต่ละวัน ชนิดไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีรัฐมนตรีแม้แต่น้อย จนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคต้องสั่งปรามให้เพลาๆ ลงรอมชอมกันดีกว่า
ปากก็บอกว่ารับฟังคำเตือน แต่การกระทำของ “ประวัฒน์” ไม่ใช่ ล่าสุดถึงขั้นจะล่ารายชื่อ ส.ส.กดดันให้ “สันติ” ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกันเลยทีเดียว ก็ต้องดูว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยจะรับมุกส่งไม้กันแค่ไหนอย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้น และก็ต้องดูว่าเอาเข้าจริงจะมี ส.ส.มาร่วมลงชื่อกับ “ประวัฒน์” จริงหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน
สำหรับ “ประวัฒน์” ถือเป็นคนเก่าคนแก่ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ถือเป็นหนึ่งในคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนายใหญ่ นักโทษหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ไว้วางใจส่งไปประกบเป็นเงาตามตัวของ “ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” มือปราบสายเดี่ยว ทั้งที่มหาดไทย ยุติธรรม หรือทำเนียบรัฐบาล ให้คอยควบคุมติดตามความเคลื่อนไหว เพราะรู้ดีว่า “ปุระชัย” อีโก้สูงไม่น่าไว้วางใจ
การเดินเกมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่บางฝ่าย เตะโด่ง “สันติ” ให้พ้นเก้าอี้ไป และ “ประวัฒน์” ก็ได้รายงานตรงถึงนายหญิง พจมาน ณ ป้อมเพชร แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้าเรียบร้อยแล้ว
ฝ่าย “สันติ” ที่มาอยู่ในพรรคฐานะนายทุน เดิมทีแอบอิงแนบชิดเป็นเด็กในคาถาของ “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนสนิทนายใหญ่ระดับแกนนำ เคยขึ้นชั้นนั่งเก้าอี้ตัวโตในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่ภายหลังเกิดขัดแย้งกับเฮียเพ้งขั้นรุนแรง ถึงขั้นไม่มองหน้ากัน นับแต่นั้นมา “สันติ” จึงไม่มีแบ็กอัพคอยหนุนหลัง
แม้จะพยายามตั้งกลุ่มก๊วนขึ้นมาสร้างเพาเวอร์ภายในพรรค แต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งนานวันเพาเวอร์ บารมียิ่งเสื่อมถอย จากเก้าอี้เบ้อเร่อ เหลือเพียงเก้าอี้เล็กๆ และง่อนแง่นมาตลอด ถูกคนในพรรคจ้องเขี่ยทิ้งตั้งแต่ตอนอุทกภัยใหญ่ถล่มประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯถูกตั้งเป้าถล่มเละจากคนกันเองภายในพรรค แต่ก็ยังรักษาเก้าอี้ไว้ได้อยู่
จึงน่าสนใจว่า “สันติ” จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้อีกนานแค่ไหน การปรับ ครม.ครั้งต่อไป “สันติ” จะยังมีเก้าอี้อยู่ใน ครม.หรือไม่ ท่ามกลางการคาดหมายจากบางฝ่ายในพรรคว่าน่าจะหมดเวลาแล้ว หลังจากไปสร้างขุมพลังในกระทรวงโดยไม่สนใจใยดี ส.ส.ในพรรค
สุดท้ายต้องจับตาว่า “ทักษิณ” จะเลือกถือหางใคร เพราะเรื่องนี้มันต้องตายกันไปข้าง ศึกศักดิ์ศรีค้ำคอยอมกันไม่ได้แน่นอน