“พิชาย” ให้ค่าศูนย์อำนาจรากหญ้าแย้ง “ธีรยุทธ” ระบุเป็นได้แค่เปลือกหุ้มทุนสามานย์ เสื้อแดงตกเป็นเครื่องมือมากกว่าจะมีอุดมการณ์ของตนเอง ซัดทุนสามานย์รักษาอำนาจด้วยการ บิดเบือนข้อมูล ใช้เงินแผ่นดินแจกคนใต้โอวาท ยืมมือฝ่ายซ้ายเก่าและฝ่ายเสรีนิยมไร้เดียงสาโจมตีสถาบัน เชื่อฝ่ายรากหญ้าไม่มีวันชนะหากยังตกอยู่ภายใต้การครอบงำของทุนสามานย์
วันที่ 18 มี.ค. เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) วิพากษ์การวิเคราะห์การเมืองของนายธีรยุทธ บุญมี ผู้อำนวยการสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย ผ่านทางเฟซบุ๊ก“พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต” โดยระบุว่า
“1. การวิเคราะห์การเมืองครั้งนี้ของอาจารย์ธีรยุทธ ดูเหมือนความแหลมคมในอดีตจะลดลง กลายเป็นการวิเคราะห์ที่เป็นแบบทั่วๆไป และที่สำคัญในประเด็นที่อาจารย์วิเคราะห์เรื่องศูนย์อำนาจในการเมืองไทยว่ามี 2 ศูนย์ คือ ศูนย์อำนาจอนุรักษนิยม กับศูนย์อำนาจรากหญ้า
2. ผมคิดว่าอาจารย์ธีรยุทธใช้ศัพท์ในการเรียกศูนย์อำนาจที่สองคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในสังคมอย่างไม่น่าเชื่อ หากจะมีศูนย์อำนาจผมคิดว่าไม่ใช่ศูนย์รากหญ้า แต่เป็นศูนย์อำนาจทุนสามานย์ มากกว่า สิ่งที่เรียกว่าศูนย์อำนาจรากหญ้าเป็นเพียงเปลือกนอกที่ห่อหุ้มของทุนนิยมสามานย์ เพื่อให้ทุนนิยมสามานย์ใช้เป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรม และกดทับความเป็นประชาธิปไตยหรือความเห็นที่แตกต่างจากผลประโยชน์ของทุนสามานย์
3. คนเสื้อแดงดำรงอยู่จริง แต่ถูกผนึกรวมให้อยู่ในกลไกของพรรคการเมืองทุนสามานย์ และเป็นจักรกลทางการเมืองของทุนสามานย์ มากกว่าที่จะมีอุดมการณ์และจิตสำนึกทางชนชั้นของตนเอง การดำรงอยู่และพลังของคนเสื้อแดง จึงต้องพึ่งพาทรัพยากรและความเชื่อที่อิงอยู่กับทุนนิยมสามานย์
4. การรักษาอำนาจของทุนสามานย์
4.1 ด้านหนึ่งคือ การใช้กลไกทางอุดมการณ์จัดตั้ง ตอกย้ำผลิตซ้ำทางความคิด เบียงเบนและจัดลำดับความเป็นจริงใหม่ โดยใช้ความเหลื่อมล้ำที่พวกทุนสามานย์นี่แหละที่เป็นคนสร้าง แต่บิดเบือนว่าเกิดจากกลุ่มอื่น สร้างศัตรูร่วมเพื่อให้เกิดความเหนียวแน่นในกลุ่ม ทั้งด้านกว้างและด้านลึก ผ่านสื่อในเครือข่าย กลไกระบบอุปถัมภ์ดั้งเดิม และกลไกของอดีตฝ่ายซ้าย
4.2 อีกด้านหนึ่ง ใช้กลไกการโยกย้ายถ่ายเทเงินของแผ่นดิน แจกจ่ายโดยไม่คำนึงถึงความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และไม่คำนึงถึงผลกระทบแก่คนรุ่นหลังที่ต้องมารับหนี้สินและความยากลำบากที่จะตามมา จากนั้นใช้กลไกการโฆษณาชวนเชื่อกล่อมเกลาให้ประชาชนรากหญ้าเชื่อว่าตนเองได้ประโยชน์ ทั้งที่คนได้ประโยชน์เป็นเพียงคนส่วนน้อยแต่ใช้กลไกการโฆษณา กลไกตลาดการเมืองผ่านสื่อและระบบขายตรงแบบปากต่อปากผ่านระบบหัวคะแนน
4.3 ทุนสามานย์เห็นว่า ฝ่ายอนุรักษนิยม ที่เน้นคุณธรรมเป็นอุปสรรคในการใช้อำนาจสามานย์ของพวกตนเอง จึงยืมมือฝ่ายซ้ายเก่าและฝ่ายเสรีนิยมไร้เดียงสา วิพากษ์และโจมตีสถาบันดั้งเดิมให้อ่อนกำลัง เพื่อจะหาโอกาสในการรุกคืบช่วงชิงและขยายพืนที่อำนาจของตนต่อไป
5. อาจารย์ธีรยุทธเห็นว่า ฝ่ายรากหญ้าจะชนะ แต่ผมคิดว่ารากหญ้าไม่มีวันชนะหากยังตกอยู่ภายใต้การครอบงำของทุนสามานย์ กลุ่มที่ชนะคือ กลุ่มทุนสามานย์มากกว่า ส่วนฝ่ายรากหญ้าจะตกเป็นเหยื่อ และหากกลุ่มย่อยในฝ่ายรากหญ้ากล้าขบถต่อทุนสามานย์ หรือทุนสามานย์เห็นว่าหมดประโยชน์แล้ว ก็จะถูกขจัดออกไป”