“เฉลิม” นำ ป.ป.ส.-ดีเอสไอ-แม่ทัพภาค 3 แถลงจับยาบ้า ยาไอซ์ ล็อตใหญ่ มูลค่า 800 ล้าน เผยเหตุที่จับยาเสพติดครั้งละมากๆ ได้บ่อย เพราะของกำลังขาดตลาด มีราคาแพง ทำให้ผู้ค้าเร่งนำเข้าหวังฟันกำไร พร้อมประกาศเดินหน้าแก้ กม.ให้ประหารชีวิตนักค้ายาเสพติดใน 30 วันหลังถูกศาลพิพากษา
วันนี้ (17 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ศพส.) พล.ต.อ อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ นายดำรง สมวะเวียง น.ส.หัสฤดี อาทรประชาชิต และน.ส.ปาริชาติ จรูญวิทย์ พร้อมของกลางยาบ้า 2.5 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม มูลค่า 800 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าหลังสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งคนร้ายใช้เป็นที่จุดพักยาเสพติดที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนส่งต่อมาจำหน่ายให้ลูกค้าในกทม.
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า จากความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดชุดสืบสวนได้ติดตามพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จนทราบว่า น.ส.หัสดี และน.ส.ปาริชาติ จะมีหน้าที่ในการบรรจุยาเสพติดใส่ลังกระดาษ ดีเอสไอจึงร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจทหารม้าที่ 3 เข้าปฏิบัติการตรวจค้นจนสามารถจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 3 ได้ขณะเดินทางออกจากโรงแรมนิ่มซี่เส็ง มายังบ้านเช่า ซึ่งใช้เป็นแหล่งพักยาและขนยาเสพติดไปส่งที่โกดังเก็บของบริษัท อาร์ เอฟ อี เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ที่ ต.รอบเวียง อ.เมือง เชียงราย
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมและตรวจค้น พบว่า ในลังกระดาษขนาดใหญ่ 6 ลัง ภายในบรรจุยาบ้า 2.5 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม เตรียมส่งมายัง กทม.จ่าหน้าผู้รับ นายเจริญชัย โอภาสสกุล เลขที่ 680/60 แขวงเขตสะพานสูง กทม. ระบุชื่อผู้ส่ง นางวาสนา โอภาสกุล เลขที่ 75/9 ถ.พ่อขุนเม็งราย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบุคคลตามจ่าหน้าและที่อยู่ เป็นชื่อและที่อยู่ปลอมไม่มีตัวตนจริง
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การว่าเคยรับส่งยามาแล้ว 10 ครั้ง แต่อ้างว่าไม่รู้จักกับเจ้าของยาเสพติดซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหากไม่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันคงไม่ได้รับความไว้วางใจให้ขนยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรายละเอียดในการจับกุมไม่ขอเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้มีการลงโทษประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาไม่มีการประหารจริง โดยจะผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายโทษประหารชีวิตหลังจากศาลมีคำพิพากษาเด็ดขาดภายใน 30 วัน เนื่องจากยาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรง ตนไม่ได้มีความคิดเผด็จการตามที่นักสิทธิมนุษยชนกล่าวหา แต่เสนอความเห็นเพราะเห็นว่านักโทษประหารไม่ตายเสียทีแล้วยังไปสร้างปัญหาสั่งซื้อยาเสพติดในเรือนจำอีก
“ส่วนการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้หลายๆ ครั้งต่อเนื่องกัน เพราะขณะนี้ของมันขาดตลาด จึงมีความพยายามผลิตและส่งเข้ามาจำหน่าย ของน้อยราคาแพง หากหลุดลอดไม่ถูกจับกุมจะสร้างกำไรให้มหาศาล”
ด้าน พ.ต.ท.พะเยาว์ ทองเสน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้รับแจ้งเบาะแสจากสายข่าวว่า ได้พบพิรุธผู้ต้องสงสัยซึ่งมาเช่าบ้านหลังนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 แต่ไม่เคยเข้าพักอาศัย โดยทุกเดือนในช่วงกลางดึกจะมีการขนของเข้าออกเดือนละ 1-2 ครั้งเท่านั้น สายข่าวจึงลักลอบเข้าไปดูและพบลังกระดาษเปล่าที่ใช้บรรจุยาเสพติด จึงเฝ้าติดตามและจับกุมคนร้ายได้พร้อมของกลาง โดยใช้กำลังร่วมทหารจากกองกำลังผาเมือง ดีเอสไอและตำรวจจำนวน 16 คนเข้าจู่โจมจับกุม
รายงานจาก ป.ป.ส.ได้ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พบประวัติพัวพันยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง โดย น.ส.ปาริชาติ เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดใน จ.แพร่ และมีทรัพย์สินเกินกว่าฐานะประมาณ 2.7 ล้านบาท ส่วน น.ส.หัสฤดีก็มีประวัติเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกับนักโทษคดียาเสพติดรายสำคัญต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาบ้าให้กับผู้ใช้แรงงานและกลุ่มวัยรุ่น
อย่างไรก็ตาม จากสถิติผลจากความร่วมมือของของ ศพส.ในการปราบปราบและจับกุมยาเสพติดตั้งแต่ 11 กย.54 - 15 มี.ค.55 สามารถจับผู้ต้องหาค้ายาบ้า 321 ราย ยึดของกลางได้กว่า 26 ล้านเม็ด และจับกุมผู้ต้องหาค้ายาไอซ์ ได้ 143 คน ยึดของกลางได้ 600 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังสามารถยึดเฮโรอีนได้ 200 กิโลกรัม
