“ป๋าเหลิม” แถลงโชว์จับเครือข่ายยาเสพติดในภาคเหนือ ยึดยาบ้า 2.5 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 50 กก. มูลค่า 800 ล้าน เผยยาเสพติดกำลังขาดตลาด ราคาแพง ผู้ค้าเร่งนำเข้าหวังกำไรมหาศาล ลั่นจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้มีการลงโทษประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาไม่มีการประหารจริง
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาค 3 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.จ.เชียงราย และนายณรงค์ รัตนานุกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายดำรง สมวะเวียง อายุ 39 ปีอยู่บ้านเลขที่ 206/2 หมู่ 2 ต.ทาทุ่งหลวง อ.แม่ทา จ.ลำพูน, น.ส.หัสฤดี อาทรประชาชิต อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 10 ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ น.ส.ปาริชาติ จรูญวิทย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 4 ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 2,500,000 เม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม มูลค่า 800 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าหลังสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งคนร้ายใช้เป็นที่จุดพักยาเสพติดที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนส่งต่อมาจำหน่ายให้ลูกค้าในกทม.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.พร้อมด้วยศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกันสืบสวนและติดตามพฤติการณ์การจัดขนส่งยาเสพติดจาก จ.เชียงราย ไปให้ผู้รับในพื้นที่ กทม. โดยใช้บ้านเช่าหลังหนึ่งบริเวณด้านหลังสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นที่เก็บและพักยาเสพติด จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารม้าที่ 3 และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมปฏิบัติการสังเกตการณ์บ้านหลังดังกล่าว จนพบว่า น.ส.หัสฤดี และน.ส.ปาริชาติ จะเป็นผู้บรรจุยาเสพติด ลงลังกระดาษบรรจุยาเสพติด แล้วนำไปส่งให้นายดำรงที่โกดังเก็บของบริษัท อาร์เอสอี เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 450/58 ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจนำกำลังเข้าจับกุม เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีทำเลในการเฝ้าสังเกตการณ์
จากการตรวจค้นลังกระดาษขนาดใหญ่จำนวน 6 ลัง พบยาบ้า 2,500,000 เม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม ซึ่งเตรียมจัดส่งไปยัง กทม. โดยจ่าหน้าผู้รับ ชื่อ เจริญชัย โอภาสกุล 680/60 ถ.กรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. และชื่อผู้ส่งคือ วาสนา โอภาสกุล 75/9 ถ.พ่อขุนเม็งราย ต.ในเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นชื่อปลอมไม่มีตัวตนจริง
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า น.ส.ปาริชาติ จรูญวิทย์ เกี่ยวพันกับเครือข่ายค้ายาเสพติด เพราะสามีกับพวก ถูกตำรวจ สภ.ร้องกวาง จับกุมพร้อมยาบ้า 3 แสนกว่าเม็ด ยึดทรัพย์สิน 3 ล้านบาท ส่วน น.ส.หัสฤดี เป็นน้องสามีของน.ส.ปาริชาติ และเกี่ยวพันเครือข่ายยาเสพติดในภาคเหนือเช่นกัน เคยถูกตำรวจ สภ.พญาเม็งราย ล่อซื้อยาบ้า 200 เม็ด
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การว่าเคยรับส่งยามาแล้ว 10 ครั้ง แต่อ้างว่า ไม่รู้จักกับเจ้าของยาเสพติดซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหากไม่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันคงไม่ได้รับความไว้วางใจให้ขนยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรายละเอียดในการจับกุมไม่ขอเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้มีการลงโทษประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาไม่มีการประหารจริง โดยจะผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายโทษประหารชีวิตหลังจากศาลมีคำพิพากษาเด็ดขาดภายใน 30 วัน เนื่องจากยาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรง ตนไม่ได้มีความคิดเผด็จการตามที่นักสิทธิมนุษยชนกล่าวหา แต่เสนอความเห็นเพราะเห็นว่านักโทษประหารไม่ตายเสียทีแล้วยังไปสร้างปัญหาสั่งซื้อยาเสพติดในเรือนจำอีก
“ส่วนการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้หลายๆ ครั้งต่อเนื่องกัน เพราะขณะนี้ของมันขาดตลาด จึงมีความพยายามผลิตและส่งเข้ามาจำหน่าย ของน้อยราคาแพง หากหลุดรอดไม่ถูกจับกุมจะสร้างกำไรให้มหาศาล” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยถึงกรณียาแก้หวัดหายไปจากโรงพยาบาลว่า ฝากบอกไปถึงโรงพยาบาลในต่างจังหวัด รวมทั้งพวกเภสัชกรทั้งหลาย ที่มีพฤติกรรมส่งยาแก้หวัดซึ่งมีส่วนผสมซูโดอีเฟรดีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้าและยาไอซ์ ให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดไปผลิตจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดเช่นกัน สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ทาง ป.ป.ส. จะได้สืบสวนขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่าเครือข่ายยังมีโยงใยอีกมาก
ด้าน นายธาริตกล่าวว่า ตามที่ดีเอสไอได้สืบสวนกรณีการทุจริตเบิกจ่ายยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดีน ซึ่งเหตุเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โรงพยาบาลทองแสงขัน โรงพยาบาลดอยหล่อ พบว่ากรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกรณีการตรวจยึดยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดีน ในเขตอำเภอกำแพงแสน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบจากหมายเลขล็อตนัมเบอร์ และทางดีเอสไอได้ประสานกับทาง อย.อย่างใกล้ชิด พบข้อเท็จจริงว่าทางโรงพยาบาลของรัฐ ของเอกชน และคลินิกอีกหลายแห่งมีการจัดซื้อยาแก้หวัดสูตรนี้ในปริมาณที่สูงผิดปกติ และเมื่อตรวจสอบในรายละเอียดหมายเลขล็อตนัมเบอร์จนถึงขณะนี้พบว่ามีโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง เอกชน 1 แห่ง คลินิก 8 แห่ง และร้านขายยา 1 แห่ง มีความเชื่อมโยงกับการตรวจยึดยาแก้หวัดที่ อ.กำแพงแสน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีขบวนการรวบรวมยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดีน จากระบบบสาธารณสุขและอาจนำไปสกัดนำสารดังกล่าวไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยา เสพติด โดยกรณีนี้ดีเอสไอจะได้สืบสวนในรายละเอียดต่อไป โดยในวันที่ 19-20 มีนาคมนี้จะได้จัดเจ้าหน้าที่ไปสืบสวนที่โรงพยาบาลดอยหล่อ และอำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ศพส.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาค 3 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.จ.เชียงราย และนายณรงค์ รัตนานุกูล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายดำรง สมวะเวียง อายุ 39 ปีอยู่บ้านเลขที่ 206/2 หมู่ 2 ต.ทาทุ่งหลวง อ.แม่ทา จ.ลำพูน, น.ส.หัสฤดี อาทรประชาชิต อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 10 ต.ยางฮอม อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ น.ส.ปาริชาติ จรูญวิทย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 4 ต.ตาดควัน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาบ้า 2,500,000 เม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม มูลค่า 800 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่บ้านเช่าหลังสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งคนร้ายใช้เป็นที่จุดพักยาเสพติดที่ลำเลียงมาจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนส่งต่อมาจำหน่ายให้ลูกค้าในกทม.
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.พร้อมด้วยศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 กองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงราย และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกันสืบสวนและติดตามพฤติการณ์การจัดขนส่งยาเสพติดจาก จ.เชียงราย ไปให้ผู้รับในพื้นที่ กทม. โดยใช้บ้านเช่าหลังหนึ่งบริเวณด้านหลังสี่แยกแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นที่เก็บและพักยาเสพติด จึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจทหารม้าที่ 3 และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าร่วมปฏิบัติการสังเกตการณ์บ้านหลังดังกล่าว จนพบว่า น.ส.หัสฤดี และน.ส.ปาริชาติ จะเป็นผู้บรรจุยาเสพติด ลงลังกระดาษบรรจุยาเสพติด แล้วนำไปส่งให้นายดำรงที่โกดังเก็บของบริษัท อาร์เอสอี เซอร์วิส จำกัด เลขที่ 450/58 ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจนำกำลังเข้าจับกุม เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีทำเลในการเฝ้าสังเกตการณ์
จากการตรวจค้นลังกระดาษขนาดใหญ่จำนวน 6 ลัง พบยาบ้า 2,500,000 เม็ด ยาไอซ์ 50 กิโลกรัม ซึ่งเตรียมจัดส่งไปยัง กทม. โดยจ่าหน้าผู้รับ ชื่อ เจริญชัย โอภาสกุล 680/60 ถ.กรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. และชื่อผู้ส่งคือ วาสนา โอภาสกุล 75/9 ถ.พ่อขุนเม็งราย ต.ในเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นชื่อปลอมไม่มีตัวตนจริง
จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า น.ส.ปาริชาติ จรูญวิทย์ เกี่ยวพันกับเครือข่ายค้ายาเสพติด เพราะสามีกับพวก ถูกตำรวจ สภ.ร้องกวาง จับกุมพร้อมยาบ้า 3 แสนกว่าเม็ด ยึดทรัพย์สิน 3 ล้านบาท ส่วน น.ส.หัสฤดี เป็นน้องสามีของน.ส.ปาริชาติ และเกี่ยวพันเครือข่ายยาเสพติดในภาคเหนือเช่นกัน เคยถูกตำรวจ สภ.พญาเม็งราย ล่อซื้อยาบ้า 200 เม็ด
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า คดีนี้ผู้ต้องหาให้การว่าเคยรับส่งยามาแล้ว 10 ครั้ง แต่อ้างว่า ไม่รู้จักกับเจ้าของยาเสพติดซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหากไม่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันคงไม่ได้รับความไว้วางใจให้ขนยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนรายละเอียดในการจับกุมไม่ขอเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายให้มีการลงโทษประหารชีวิตนักโทษคดียาเสพติดอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาไม่มีการประหารจริง โดยจะผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายโทษประหารชีวิตหลังจากศาลมีคำพิพากษาเด็ดขาดภายใน 30 วัน เนื่องจากยาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรง ตนไม่ได้มีความคิดเผด็จการตามที่นักสิทธิมนุษยชนกล่าวหา แต่เสนอความเห็นเพราะเห็นว่านักโทษประหารไม่ตายเสียทีแล้วยังไปสร้างปัญหาสั่งซื้อยาเสพติดในเรือนจำอีก
“ส่วนการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้หลายๆ ครั้งต่อเนื่องกัน เพราะขณะนี้ของมันขาดตลาด จึงมีความพยายามผลิตและส่งเข้ามาจำหน่าย ของน้อยราคาแพง หากหลุดรอดไม่ถูกจับกุมจะสร้างกำไรให้มหาศาล” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยถึงกรณียาแก้หวัดหายไปจากโรงพยาบาลว่า ฝากบอกไปถึงโรงพยาบาลในต่างจังหวัด รวมทั้งพวกเภสัชกรทั้งหลาย ที่มีพฤติกรรมส่งยาแก้หวัดซึ่งมีส่วนผสมซูโดอีเฟรดีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้าและยาไอซ์ ให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดไปผลิตจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดเช่นกัน สำหรับการจับกุมในครั้งนี้ทาง ป.ป.ส. จะได้สืบสวนขยายผลต่อไป เพราะเชื่อว่าเครือข่ายยังมีโยงใยอีกมาก
ด้าน นายธาริตกล่าวว่า ตามที่ดีเอสไอได้สืบสวนกรณีการทุจริตเบิกจ่ายยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดีน ซึ่งเหตุเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โรงพยาบาลทองแสงขัน โรงพยาบาลดอยหล่อ พบว่ากรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกรณีการตรวจยึดยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดีน ในเขตอำเภอกำแพงแสน จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบจากหมายเลขล็อตนัมเบอร์ และทางดีเอสไอได้ประสานกับทาง อย.อย่างใกล้ชิด พบข้อเท็จจริงว่าทางโรงพยาบาลของรัฐ ของเอกชน และคลินิกอีกหลายแห่งมีการจัดซื้อยาแก้หวัดสูตรนี้ในปริมาณที่สูงผิดปกติ และเมื่อตรวจสอบในรายละเอียดหมายเลขล็อตนัมเบอร์จนถึงขณะนี้พบว่ามีโรงพยาบาลรัฐ 3 แห่ง เอกชน 1 แห่ง คลินิก 8 แห่ง และร้านขายยา 1 แห่ง มีความเชื่อมโยงกับการตรวจยึดยาแก้หวัดที่ อ.กำแพงแสน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีขบวนการรวบรวมยาแก้ไข้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟรดีน จากระบบบสาธารณสุขและอาจนำไปสกัดนำสารดังกล่าวไปเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยา เสพติด โดยกรณีนี้ดีเอสไอจะได้สืบสวนในรายละเอียดต่อไป โดยในวันที่ 19-20 มีนาคมนี้จะได้จัดเจ้าหน้าที่ไปสืบสวนที่โรงพยาบาลดอยหล่อ และอำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่